พลิกนรก! ‘เบลเยียม’ รัว3ลูกแซงหักดาบ ‘ซามูไร’ 3-2 ทะยานรอบ8ทีมชน ‘แซมบ้า’

การแข่งขันฟุตบอลโลก 2018 รอบ 16 ทีมสุดท้าย คู่ระหว่าง “ปีศาจแดงแห่งยุโรป” เบลเยียม ลงสนามพบกับ “ซามูไรบลู” ญี่ปุ่น ที่รอสตอฟ อารีน่า เมืองรอสตอฟ-ออน-ดอน ประเทศรัสเซีย เมื่อคืนวันที่ 2 กรกฎาคม โดยผลงานรอบแรก เบลเยียม คว้าชัย 3 นัดรวดเป็นแชมป์กลุ่มจี ขณะที่ ญี่ปุ่น ชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 1 เป็นอันดับ 2 ของกลุ่มเอช

เกมนี้รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงเบลเยียมนำโดย เอเด็น อาซาร์ ยืนในแนวรุกร่วมกับ ดรีส เมอร์เทนส์ และมีโรเมรู ลูกากู เป็นกองหน้าตัวเป้า ขณะที่คนอื่นมีผู้รักษาประตู ธิโบต์ กูร์ตัวส์, กองหลัง โทบี้ อัลเดอร์ไวเรลด์, แว็งซอง ก็อมปานี, แยน แฟร์ต็องเก้น, ริมเส้น โธมัส มูนิเย่ร์, ยานนิค การ์ราสโก้, แดนกลาง อักเซล วิตเซล และเควิน เดอ บรอยน์

ขณะที่ 11 ผู้เล่นตัวจริงญี่ปุ่น ประกอบด้วย ผู้รักษาประตู เอจิ คาวาชิมะ, กองหลัง ยูโตะ นากาโตโมะ, ฮิโรกิ ซาคาอิ, เกน โชจิ, มายะ โยชิดะ, กองกลาง กาคุ ชิบาซากิ, มาโคโตะ ฮาเซเบะ, แนวรุก ชินกิ คากาวะ, ทาคาชิ อินุอิ, เกนคิ ฮารากุจิ และกองหน้าตัวเป้า ยูยะ โอซาโกะ

เกมครึ่งแรกเริ่มได้เพียงนาทีเดียว ญี่ปุ่นเปิดฉากบุกเข้าทำก่อนทันที และได้ลุ้นจากจังหวะที่ ชินจิ คากาวะ หาช่องหน้ากรอบเขตโทษซัดบอลด้วยซ้ายหลุดเสาออกหลังไป

Advertisement

นาทีที่ 15 เบลเยียมพยายามครอบบอลทำเกมบุกขึ้นมา เอเด็น อาซาร์ แทงบอลเข้ากลางให้ อักเซล วิตเซล วางเท้าซ้ายไปแฉลบแนวรับญี่ปุ่นออกหลังไป

Advertisement

นาทีที่ 26 เบลเยียมเกือบได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะที่ ดรีส เมอร์เทนส์ โยนบอลยาวเข้าไปหน้าประตูให้ โรเมลู ลูกากู ตวัดยิงบอลไม่เต็มเท้า ก่อนที่นายด่านญี่ปุ่นพุ่งรับเอาไว้ได้

นาทีที่ 31 ญี่ปุ่นเริ่มตั้งลำทำเกมบุกได้บ้าง ยูโตะ นากาโตโมะ เติมเกมรุกขึ้นมาตักบอลเข้าไปในเขตโทษให้ ทาคาชิ อินุอิ ลอยตัวขึ้นโขก แต่บอลไปตรงตัว ธิโบต์ กูร์ตัวส์ รับเข้ามือ

นาทีที่ 44 ญี่ปุ่นพลาดโอกาสทองเมื่อ ยูโตะ นากาโตโมะ เปิดบอลยัดเข้ากลาง แต่ ยูยะ โอซาโกะ จับบอลหลุดเท้าไปเข้ามือ ธิโบต์ กูร์ตัวส์ รับบอลกระจอกลอดขาก่อนตามตะครุบได้ทัน จบครึ่งแรกเสมอกัน 0-0

ครึ่งหลังนาทีที่ 48 ญี่ปุ่นพังประตูขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะโต้กลับ กาคุ ชิบาซากิ แทงบอลทะลุช่อง แยน แฟร์ทองเก้น สกัดบอลพลาดไหลไปเข้าทาง เกนคิ ฮารากุจิ หลุดเข้าไปซัดเสียบเสาสองตุงตาข่าย

นาทีที่ 52 สถานการณ์ของเบลเยียมแย่ยิ่งอีกเมื่อญี่ปุ่นได้ประตูหนีห่าง 2-0 ชินจิ คากาวะ ล็อกบอลหน้าเขตโทษแล้วดีดคืนให้ ทาคาชิ อินุอิ ได้ช่องตะบันด้วยขวาเต็มข้อบอลพุ่งเบียดเสาเข้าซุกก้นตาข่ายอย่างสวยงาม

นาทีที่ 62 เบลเยียมเกือบยิงไล่ตีไข่แตกได้จาก โธมัส มูนิเย่ร์ โยนบอลให้ โรเมลู ลูกากู ขึ้นโขกคนเดียวโล่งๆ แต่บอลหลุดกรอบออกไปอย่างเหลือเชื่อ จากนั้นเบลเยียมปรับแก้เกมรุกด้วยการส่ง มารูยาน เฟลไลนี่ และนาเซอร์ ชาดลี่ ลงสนามมา

นาที 69 เบลเยียมเร่งเครื่องยิงตีไข่แตกไล่มา 1-2 จากจังหวะเตะมุม และญี่ปุ่นสกัดเคลียร์บอลไม่ขาดไปเข้าทาง แยน แฟร์ต็องเก้น โหม่งบอลลอยโด่งย้อยๆ เสียบใต้คานเข้าไป

นาทีที่ 74 เบลเยียมฮึดไล่ตีเสมอสำเร็จ 2-2 เอเด็น อาซาร์ ดึงบอลหนีผู้เล่นญี่ปุ่นหลังหักแล้วตวัดด้วยซ้ายเปิดเข้ากลางให้ มารูยาน เฟลไลนี่ ขึ้นโขกบอลกดพื้นเข้าประตูไป

ช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 90+4 เบลเยียมโต้กลับเร็วขึ้นมาได้ประตูชัย เควิน เดอ บรอยน์ ลากบอลจากแดนตัวเองแล้วจ่ายให้ โธมัส มูนิเย่ร์ เปิดตัดเข้ากลางให้ โรเมลู ลูกากู ข้ามหลอกปล่อยบอลให้ นาเซอร์ ชาดลี่ แปจ่อๆ เข้าไปตุงตาข่ายเป็นประตูชัยให้เบลเยียมพลิกนรกรัว 3 ลูกรวดแซงชนะ ญี่ปุ่น 3-2 ผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายเข้าไปพบกับ บราซิล

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image