มุสตาฟา พ่อบังเกิดเกล้าของ เมซุต โอซิลเผยว่า ถ้าต้องตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับลูกชาย ตนคงประกาศเลิกเล่นให้ทีมชาติไปเรียบร้อยแล้ว
โดยโอซิล กองกลางจอมทัพของอินทรีเหล็ก ตกเป็นเป้าในการโจมตีอย่างหนัก หลังเข้าพบ เรเจพ เทยิพ แอร์โดอาน ประธานาธิบดีของตุรกี จนถูกโยงเป็นเรื่องทางการเมืองและเป็นที่ถกเถียงกันในวงกว้าง รวมถึง โอลิเวอร์ เบียร์โฮฟฟ์ ผู้จัดการทั่วไปของเยอรมนี ที่ออกมาแสดงความเห็นว่า ควรตัดกองกลางรายนี้ออกจากทีมชาติด้วยเช่นกัน
พ่อของจอมทัพจากอาร์เซน่อล กล่าวว่า ถ้าตนต้องเจอสถานการณ์เช่นนี้ คงบอกได้แค่ว่า ขอบคุณนะ แต่คงพอแค่นี้แหละ ซึ่งเขาค่อนข้างผิดหวัง หลังถูกโจมตีอย่างหนักจากแฟนบอล โดยโดนส่งเสียงโห่ใส่ ตั้งแต่เกมอุ่นเครื่องกับออสเตรีย ก่อนฟุตบอลโลกจะเริ่มต้นขึ้นด้วยซ้ำ ไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเป็นเพราะอะไร
มุสตาฟากล่าวต่อว่า โอซิลต้องคอยปกป้องตัวเองมาตลอด แม้จะเล่นให้ทีมชาติมานานถึง 9 ปี และเป็นส่วนหนึ่งที่พาทีมคว้าแชมป์โลกในปี 2014 ด้วยก็ตาม อีกทั้งยังมีคนกล่าวไว้ว่า หากคว้าชัยชนะได้ นั่นคือทุกคนชนะไปด้วยกัน แต่เมื่อแพ้ กลับกลายเป็นแพ้เพราะโอซิล ซึ่งมักตกเป็นเป้าในการวิจารณ์อย่างหนักเสมอ ทั้งๆ ที่เป็นตัวอย่างที่ดีมาตลอดหลายปี สถานการณ์ในตอนนี้ไม่สมเหตุสมผลเป็นอย่างยิ่ง เขารักเยอรมนี และแสดงความมุ่งมั่นเพื่อทีมมาตลอด แต่กลับตกเป็นแพะรับบาป ซึ่งไม่ยุติธรรมเป็นอย่างมาก
นอกจากนี้ มุสตาฟา วัย 50 ปี เคยเป็นที่ปรึกษาให้กับลูกชาย แต่ปัจจุบันจะไม่ได้ทำหน้าที่นั้นแล้ว เผยว่า การถ่ายภาพร่วมกับผู้นำตุรกีนั้นอาจเป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ แม้ตัวนักเตะจะทราบดีว่าไม่มีนัยยะทางการเมืองแต่อย่างใดก็ตาม
