ญาติคู่รักต่างชาติยังติดใจ หลังประสบอุบัติเหตุเก๋งชนท้ายดับคู่ เตรียมตั้งทนายสู้คดี

จากกรณีชาวต่างชาติคู่รักได้เสียชีวิตลงจากอุบัติเหตุที่ อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง คือ นาย Siu Ming Wong (หว่อง ซุย มิ้ง) อายุ 44 ปี ชาวฮ่องกง ซึ่งเป็นนักเรียนที่เดินทางมาเรียนภาษาไทยของสถาบันสอนภาษาแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ และ น.ส.Fanhui Kong (ฟันฮุย คอง) อายุ 29 ปี ชาวจีน และยังเป็นครูสอนภาษาจีน ที่สถาบันสอนภาษาแห่งหนึ่งใน จ.เชียงใหม่ ทั้งสองคนได้ขี่รถจักรยานยนต์เพื่อมาท่องเที่ยวที่ จ.ลำปาง โดยมี นาย Siu Ming Wong เป็นผู้ขี่รถ จยย. และ น.ส. Fanhui Kong ซ้อนท้าย แต่เกิดอุบัติเหตุรถยนต์เก๋งพุ่งชนท้ายบริเวณโค้งแตงโม ถนนสายลำปาง – เชียงใหม่ ขาเข้า จ.ลำปาง เขต ต.เวียงตาล อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง เหตุเกิดเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ที่ผ่านมานั้น

เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ทางญาติพี่น้องของทั้งสองเดินทางเข้าพบ พ.ต.ท.สุวิทย์ ดีมีหาญ สว.สส.สภ.ห้างฉัตร เพื่อรับทราบในส่วนของคดีการเกิดอุบัติเหตุ ก่อนจะพาไปดูศพที่โรงพยาบาลลำปาง ท่ามกลางความโศกเศร้าเสียใจอย่างมาก ก่อนที่ทางญาติจะเดินทางมายัง บริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด สาขาลำปาง เพื่อรับทราบรายละเอียดการจ่ายเงินช่วยเหลือ ซึ่งทางบริษัท กลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด สาขาลำปาง ได้แจ้งรายละเอียดตามระเบียบ และ พ.ร.บ.ที่ทำไว้กับรถจักรยานยนต์ ว่าจะมีการจ่ายให้รายละ 300,000 บาท และมีค่าปลงศพอีกรายละ 35,000 บาท แต่ทางญาติยังไม่ขอรับเพราะเกรงจะกระทบต่อคดี และถือว่ายังติดใจเอาความกับทางคู่กรณี ซึ่งเป็นหญิง อายุ 31 ปี ชาว ต.ลำปางหลวง อ.เกาะคา จ.ลำปาง โดยเป็นคนขับรถยนต์เก๋งชนท้ายรถจักรยานยนต์ เนื่องจากเกิดเสียหลักจากถนนลื่นจากฝนตกในวันเกิดเหตุ ซึ่งทางญาติของชาวต่างชาติทั้งสองรายจะตั้งทนายเพื่อสู้คดี และเรียกร้องค่าชดเชยต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีชาวต่างชาติที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุดังกล่าวนั้น จะไม่ได้รับเงิน 1 ล้านบาท ซึ่งเป็นเงินช่วยเหลือจากกองทุนช่วยเหลือเยียวยานักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เนื่องจากชาวต่างชาติที่เสียชีวิตทั้งสองคนนั้น ไม่ได้ขอวีซ่าเป็นนักท่องเที่ยวเข้ามายังประเทศไทย โดย นาย Siu Ming Wong ได้ขอวีซ่าเข้าประเทศไทย เพื่อมาเรียนภาษาไทย ส่วน น.ส.Fanhui Kong ขอวีซ่าเข้ามาทำงาน ดังนั้น จึงไม่เข้าข่ายการช่วยเหลือตามระเบียบนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image