คืบหน้า ผลพิสูจน์ซากกระทิงทุ่งใหญ่ฯ 6 ตัว พบ พลัดตกหน้าผาสูงขณะข้ามลำห้วย คาดอาจมีเพิ่มอีก

ความคืบหน้ากรณีพบซากกระทิง อยู่ในสภาพผิวหนังเปื่อยขึ้นอืด บริเวณลำห้วยรันตี พื้นที่บ้านกองม่องทะ หมู่ 2 ต.ไล่โว่ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี รวมจำนวน 6 ตัว ซึ่งเป็นพื้นที่คาบเกี่ยวระหว่างเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตกและอุทยานแห่งชาติเขาแหลม เมื่อวันที่ 15 ส.ค.และต่อเนื่องถึงวันที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา นั้น

ล่าสุดวันนี้ 17 ส.ค.61 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังจาก นายวิเชียร ชินวงษ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก จ.กาญจนบุรี พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ ได้ร่วมกับเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลม สัตวแพทย์หญิง กนกวรรณ ตรุยานนท์ นายสัตวแพทย์ชำนาญการ สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เจ้าหน้าที่ทหารหน่วยเฉพาะกิจลาดหญ้า กองกำลังสุรสีห์ เจ้าหน้าที่กองร้อย ตชด.ที่134 รวมทั้งเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอำเภอสังขละบุรี และผู้นำชุมชนบ้านกองม่องทะ ได้ร่วมกันเข้าตรวจพิสูจน์ซากกระทิง บริเวณลำห้วยรันตี โดยได้อาศัยลงเรือชาวบ้าน ที่มีความชำนาญ ขับลัดเลาะไปตามเกาะแก่ง ในแม่น้ำรันตี เพื่อเข้าตรวจพิสูจน์ซากกระทิงที่ลอยน้ำมาติดริมตลิ่งและเกาะแก่งตามลำห้วยรันตีในท้องที่หมู่บ้านกองม่องทะ ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อของเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลมและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านทิศตะวันตก

โดยซากกระทิงที่พบ 4 ตัวแรก จากการตรวจสอบพบว่า จุดที่ 1 พบซากกระทิงเพศผู้ อายุประมาณ 7 ปี พิกัด 47 P 0450456 E 1674761 N บริเวณลำห้วยรันตี
จุดที่ 2 พิกัด 47 P 0453571 E 1676917 N พบซากกระทิงจำนวน 2 ตัว เป็นเพศผู้ทั้งคู่ ตัวที่ 1 อายุประมาณ 3 ปี และตัวที่ 2 อายุประมาณ 5 ปี นอนเกยคาต้นไม้ที่ล้มและเศษสวะกลางลำห้วยรันตี

จุดที่ 3 พิกัด 47 P 0451583 E 1676647 N เพศผู้ อายุประมาณ 7 ปี นอนเกยบริเวณหาดทรายริมตลิ่งลำห้วยรันตี
ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้ขับเรือทวนแม่น้ำรันตีขึ้นไปจนสามารถพบซากกระทิงเพิ่มอีกจำนวน 2 ตัว ซึ่งสภาพที่พบไม่ต่างกับ 4 ตัวแรก ซึ่งซากกระทิงที่พบเพิ่มอีก 2 ตัว ตัวแรก เป็นกระทิงเพศผู้ อายุประมาณ 1 ปี เสียชีวิตมาแล้วประมาณ 5 วัน สภาพขึ้นอืด ส่งกลิ่นเหม็น ซากติดอยู่กลางลำห้วยรันตี จากการตรวจสอบเบื้องต้นไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายจากฝีมือมนุษย์ คาดว่าเสียชีวิตจากภัยธรรมชาติน้ำป่าไหลหลากน้ำท่วมฉับพลัน

Advertisement

ส่วนตัวที่สอง เป็นกระทิงเพศเมีย อายุประมาณ 15 ปี ซากอยู่ริมตลิ่งติดขอนไม้ อยู่ห่างจากซากกระทิงตัวแรก ประมาณ 50 เมตร คาดว่ากระทิงทั้งสองตัวน่าจะเป็นแม่ลูกกัน
ซึ่งซากกระทิงทั้ง 6 มีสภาพเดียวกันคือ ขึ้นอืด ส่งกลิ่นเน่าเหม็น ขนตามลำตัวหลุดร่วงเกือบทั้งหมด ปลอกเขาหลุดหาย โดยที่โคนเขามีสภาพราบเรียบ ไม่มีร่องรอยการใช้มีดหรือของมีคมตัดหรือตอกหรือแซะปลอกเขากระทิงออกแต่อย่างใด สันนิษฐานว่า ถูกความแรงของกระแสน้ำป่าที่ไหลเชี่ยวกรากพัดให้กระแทกกับโขดหิน ขอนไม้ เศษสวะ ทำให้ปลอกเขาหลุดหายไปกับกระแสน้ำ ตรวจสอบที่ลำตัวไม่พบร่องรอยการถูกล่าหรือถูกยิงด้วยอาวุธปืน คาดว่าตายมาแล้วประมาณ 3-5 วัน โดยสัตวแพทย์ได้ผ่าตรวจพิสูจน์ซาก พบว่า มีดินตะกอนทรายจำนวนมากอุดตันอยู่ในหลอดลม และได้เก็บตัวอย่างอวัยวะภายในส่งตรวจยังห้องปฏิบัติการเพื่อหาสาเหตุการตายแล้ว

คณะเจ้าหน้าที่ร่วมกันพิจารณาแล้วเห็นว่า ซากกระทิงจำนวน 6 ตัวดังกล่าว ไม่มีร่องรอยการถูกยิงด้วยอาวุธปืนแต่อย่างใด จุดที่พบซากอยู่ในลำห้วยรันตีซึ่งเป็นลำน้ำแบ่งแนวเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตกและอุทยานแห่งชาติเขาแหลม ซึ่งมีความคาบเกี่ยวติดต่อกัน โดยตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ถึงปัจจุบัน ท้องที่ดังกล่าวมีฝนตกหนักต่อเนื่องกันหลายวัน เนื่องจากอิทธิพลของพายุดีเปรสชั่นเซินติญ ทำให้เกิดภัยพิบัติน้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมฉับพลันและดินโคลนถล่ม โดยจังหวัดกาญจนบุรี ได้ประกาศให้ท้องที่หมู่บ้านกองม่องทะ เป็นเขตภัยพิบัติน้ำท่วม เบื้องต้นคาดว่า กระทิงทั้งหมดอาจพลัดตกระหว่างเดินข้ามแม่น้ำรันตี ซึ่งช่วงที่กระทิงเดินข้ามนั้นเป็นต้นน้ำ ซึ่งมีลักษณะเป็นน้ำตกที่มีหน้าผาสูงประมาณ 100 เมตร และมีสภาพพื้นที่เป็นหินลื่น ประกอบกับน้ำไหลเชี่ยว เนื่องจากในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา มีฝนตกหนักในพื้นที่ จนทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากบริเวณดังกล่าว จึงอาจเป็นเหตุให้กระทิงพลัดตกน้ำลงมาตายในที่สุด
สำหรับกระทิงฝูงดังกล่าวจะอาศัยและหากินอยู่ที่บริเวณผืนป่าในแถบนั้นมานานแล้ว ซึ่งมีอยู่ประมาณ 20-30 ตัว และมักจะเดินข้ามแม่น้ำรันตีตรงจุดดังกล่าวไป-มาระหว่างโป่งร้อนกับเขาเอเหม่ ซึ่งอดีตที่ผ่านมาก็เคยพบกระทิงตายในลักษณะเช่นนี้มาแล้ว แต่มีจำนวนไม่มากเท่าในครั้งนี้

คณะเจ้าหน้าที่จึงได้จัดทำบันทึกเข้าแจ้งความไว้เป็นหลักฐานต่อพนักงานสอบสวน สภ.สังขละบุรี และเนื่องด้วยซากกระทิง มีสภาพเน่าเสีย ส่งกลิ่นเหม็น เจ้าหน้าที่ไม่มีเครื่องมืออุปกรณ์ในการเก็บรักษาซาก หากปล่อยทิ้งไว้จะเสี่ยงต่อการเกิดโรคระบาดเป็นอันตรายต่อประชาชนและระบบนิเวศ ดังนั้นคณะเจ้าหน้าที่จึงได้ขออนุมัติพนักงานสอบสวนทำลายซากกระทิงทั้งหมดด้วยวิธีการเผาทำลายในจุดที่พบซากดังกล่าว

Advertisement

อย่างไรก็ตามเนื่องกระทิงมักจะอยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่ เจ้าหน้าที่จึงยังเชื่อว่าอาจจะมีกระทิงที่พลัดตกน้ำมากกว่า 6 ตัวนี้ ซึ่งจะได้ร่วมกันตรวจสอบว่ายังมีกระทิงตายเพิ่มเติมในพื้นที่ดังกล่าวอีกหรือไม่

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image