จากกรณีอุบัติเหตุรถฟอร์จูนเนอร์ชนท้ายรถเกีย และรถจักรยานยนต์ตำรวจทางด่วน 1 บนทางด่วนพิเศษฉลองรัช ขาเข้ารามอินทรามุ่งหน้าสุขุมวิท 50 (พระโขนง) ช่วงก่อนถึงทางลงด่วนประมาณ 200 เมตร ทำให้ น.ส.ธัญญพัทธ์ วิพันธ์พงษ์ อายุ 68 ปี คนขับรถเกีย กระเด็นตกลงจากทางด่วนเสียชีวิตทันที เหตุเกิดเมื่อเช้าวันที่ 3 กันยายนที่ผ่านมา
เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 4 กันยายน ที่ตึกนิติเวชศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ น.ส.พิมพ์ธิชา เจริญวงษ์ธนากุล อายุ 38 ปี ลูกสาวของ น.ส.ธัญญพัทธ์ พร้อมครอบครัวและญาติ เดินทางมารับศพ บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้าเสียใจ โดยทางครอบครัวปฏิเสธที่จะให้ข้อมูล ก่อนทำพิธีแบบจีนและพุทธ เพื่อบรรจุศพลงหีบศพ จากนั้นนำศพไปบำเพ็ญกุศล ณ ศาลา 3 วัดบึงทองหลาง ซอยลาดพร้าว 101 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. มีพิธีฌาปนกิจวันที่ 8 กันยายน เวลา 16.00 น. ส่วนสาเหตุการเสียชีวิตผลชันสูตรระบุเบื้องต้น อวัยวะภายในฉีกขาดหลายตำแหน่ง
พ.ต.ท.ฉัตรชัย เอี่ยมอ่อง รอง ผกก. (สอบสวน) กก.2 ศูนย์ควบคุมจราจรทางด่วน 1 กก.2 เจ้าของคดี เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ตั้งข้อหาหนักกับ น.ส.นุชนาฏ พรหมณะ ผู้ขับรถฟอร์จูนเนอร์ ข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย นอกจากนี้ยังตั้งข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ และขับรถประมาทชนทรัพย์สินผู้อื่นเสียหาย ส่วนการกระทำความผิดอื่นเกี่ยวกับคดีจราจร หรือการขับรถคร่อมเข้าช่องทางฉุกเฉินนั้น เป็นโทษปรับ ต้องตรวจสอบเพื่อแจ้งข้อหาหลังจากนี้ โดยเจ้าหน้าที่อยู่ในระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานและกล้องวงจรปิด เพื่อตรวจสอบว่ามีการกระทำผิดเรื่องใดบ้าง
พ.ต.ท.ฉัตรชัยกล่าวต่อว่า ขณะนี้ น.ส.นุชนาฏยังอยู่ในระหว่างการพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล ซึ่งมีการจัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจไปดูแล เพราะถือว่าเป็นผู้ต้องหา และยังไม่มีการสอบปากคำ เพราะอยู่ในความดูแลของแพทย์ ส่วนอาการ น.ส.เขมณัฐ รุ่งเรืองวิสิทธิ์ อายุ 27 ปี ที่ตั้งครรภ์ ลูกสะใภ้ของ น.ส.ธัญญพัทธ์ ที่โดยสารอยู่เบาะหลัง ยังอยู่ในความดูแลของแพทย์เช่นกัน โดยขณะนี้มีผู้เสียหายในคดีนี้ 3 ราย คือ น.ส.ธัญญพัทธ์ ผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บ 2 ราย น.ส.เขมณัฐ ผู้นั่งมาในรถเกีย และ ร.ต.ต.สุพจน์ ไชยนอก ผบ.หมู่งานศูนย์ควบคุมจราจรด่วน 1 ที่เข้าให้การช่วยเหลือ ส่วนความเสียหายบนทางด่วนฉลองรัชต้องรอดูทางด่วนจะมีการตรวจสอบพบความเสียหายจุดใดหรือไม่ แต่ขณะนี้ยังไม่มีตัวแทนจากทางด่วนเข้าแจ้งความเสียหาย หลังจากนี้ต้องขอเวลาเจ้าหน้าที่เก็บรวบรวมพยานหลักฐานประกอบสำนวนคดีสักระยะเพื่อแจ้งข้อหาเพิ่มเติมจาก 3 ข้อหาที่ตั้งไว้ต่อไป
