คอลัมน์ People In Focus: ชาคิล อาฟริดี วีรบุรุษผู้ถูกลืม

ผ่านมาแล้ว 5 ปี หลังสำนักงานข่าวกรองกลาง (ซีไอเอ) ของสหรัฐ บุกสังหาร โอซามา บิน ลาเดน หัวหน้ากลุ่มก่อการร้ายอัลเคด้า ที่บ้านในเมืองแอบบอตตาบัต ประเทศปากีสถาน เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2554

นับเป็นหนึ่งในผลงานชิ้นโบแดงของรัฐบาลนำโดย บารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐ ที่สามารถจัดการกับผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ 9/11 ที่คร่าชีวิตคนไปหลายพันคนเมื่อปี 2544

ชาคิล อาฟริดี แพทย์ชาวปากีสถาน เป็นหนึ่งในผู้ได้รับยกย่องจากสหรัฐอเมริกาให้เป็นวีรบุรุษ จากผลงานในการช่วยให้ซีไอเอสามารถตามรอยหัวหน้ากลุ่มก่อการร้ายที่เป็นที่ต้องการตัวมากที่สุดในโลกในเวลานั้นได้

ทว่าชะตากรรมของอาฟริดีกลับต้องชดใช้ด้วยชีวิตในคุก พร้อมการถูกตราหน้าว่าเป็นผู้ “ทรยศ” จากหน่วยงานความมั่นคงของปากีสถาน

Advertisement

อาฟริดีในวัย 40 ปลายๆ ดิ้นรนขึ้นมาจากชีวิตอันยากจนในเขตไคเบอร์ พื้นที่ชนพื้นเมืองที่รัฐบาลส่วนกลางปากีสถานบริหารอยู่ จบการศึกษาจากวิทยาลัยการแพทย์ไคเบอร์ ในเมืองเปชวา ก่อนเข้าทำงานเป็นแพทย์ระดับสูงประจำเขตไคเบอร์

ในฐานะแพทย์ในหน่วยงานของรัฐ อาฟริดีร่วมมือกับซีไอเอสหรัฐ สายลับที่อาฟริดีรู้เพียงชื่อว่า “ปีเตอร์” วางแผนทำภารกิจบางอย่าง ส่วนหนึ่งของปฏิบัติการตามล่าตัวโอซามา บิน ลาเดน ในเมืองแอบบอตตาบัต พื้นที่ซึ่งคาดว่าจะเป็นที่กบดานของวายร้ายที่สหรัฐต้องการตัว

อาฟริดีที่ในเวลานั้นไม่ได้รู้ว่าเป้าหมายที่แท้จริงคือใคร จัดฉากโครงการฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบให้กับคนในพื้นที่ โดยมีเป้าหมายที่แท้จริงคือการเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอของเด็กที่เป็นญาติกับบิน ลาเดน เพื่อยืนยันพื้นที่กบดานก่อนส่งทีมบุกสังหาร

Advertisement

ผลจากการทำงานดังกล่าวนำไปสู่ภารกิจบุกสังหาร บิน ลาเดน เมื่อปี 2554 ที่ประสบความสำเร็จ ทว่าภารกิจซึ่งไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐของปากีสถานคนใดเลยที่ล่วงรู้ระแคะระคายมาก่อน ส่งผลให้ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและปากีสถานที่กระท่อนกระแท่นมาตลอดต้องดิ่งลงสู่จุดต่ำสุด

ด้านปากีสถานเนรเทศเจ้าหน้าที่ทหารสหรัฐที่ประจำการอยู่ในประเทศ และยืดเวลาการออกวีซ่าให้กับเจ้าหน้าที่ทางการทูตให้ล่าช้าออกไป ขณะที่สหรัฐตอบโต้ด้วยการระงับงบประมาณช่วยเหลือมูลค่าหลายล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนอาฟริดีนั้นถูกจับกุมตัว

อาฟริดีเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายของปากีสถานที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องความบริสุทธิ์ยุติธรรม โดยศาลกลับคำตัดสินจากโทษจำคุก 33 ปีในข้อหาให้ความช่วยเหลือกลุ่มมุสลิมผิดกฎหมาย แต่ก็ถูกตัดสินให้มีความผิดในข้อหาฆาตกรรมคนไข้ที่อาฟริดีเคยรักษาเมื่อ 8 ปีก่อน

ฮิลลารี คลินตัน ขณะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐระบุว่า อาฟริดี มีบทบาทสำคัญต่อปฏิบัติการล่าตัวอาชญากรคนสำคัญของโลก พร้อมทั้งประณามการตัดสินโทษอาฟริดีว่าเป็นความ “ไม่ยุติธรรมและไร้หลักประกัน” ขณะที่สมาชิกวุฒิสภาสหรัฐ ระงับการอนุมัติงบช่วยเหลืออีก 33 ล้านดอลลาร์สหรัฐเป็นการประท้วง

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงชาวปากีสถานระบุว่า รัฐบาลสหรัฐลดความสำคัญในการเรียกร้องให้ปล่อยตัวนายอาฟริดีลง หลังหันไปเน้นที่การเจรจาสันติภาพกับกลุ่มทาลิบันในอัฟกานิสถาน กลุ่มพันธมิตรสำคัญของรัฐบาลปากีสถาน

เป็นผลให้ปัจจุบัน “อาฟริดี” ยังคงต้องรับโทษอยู่ในเรือนจำในฐานะ “วีรบุรุษผู้ถูกลืม”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image