นายวิสิทธิ์ พึ่งพรสวรรค์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีไอเอ็มบี ไทย ออโต้ จำกัด ในเครือธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย เปิดเผยว่า บริษัทจะรุกตลาดและขยายฐานลูกค้ารายย่อยมากขึ้น หลังจากที่ได้เปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่จากเดิมชื่อบริษัท เซ็นเตอร์ ออโต้ ลีส จำกัด ซึ่งเดิมกลุ่มลูกค้าหลักคือกลุ่มดีลเลอร์ขายรถยนต์ใช้แล้ว (เต็นท์รถ) โดยบริษัทจะใช้ความแข็งแกร่งของแบรนด์ซีไอเอ็มบีไทยที่เป็นที่รู้จักของลูกค้าและเครือข่ายสาขาของธนาคารในการขยายฐานลูกค้า แผนธุรกิจปี 2562 บริษัทมองว่าตลาดยังมีการแข่งขันสูงจึงจะใช้กลยุทธ์การอนุมัติไวภายใน 4 ชั่วโมง และยังเน้นการปล่อยสินเชื่อรถยนต์ใช้แล้วเป็นหลัก เพราะกำไรดีกว่ารถใหม่ เน้นลูกค้ากลุ่มมนุษย์เงินเดือน และจะทำตลาดรถยนต์ใช้แล้วอายุไม่เกิน 10 ปีมากขึ้น ทำให้การปล่อยสินเชื่อจากเดิมเฉลี่ย 2.5 แสนบาทต่อคัน เพิ่มเป็น 3.5 แสนบาทต่อคัน และจะขยายสินเชื่อจำนำทะเบียนเพิ่มขึ้นเพราะถือเป็นตลาดใหญ่และความต้องการใช้สินเชื่อจำนำทะเบียนเติบโตดี ซึ่งบริษัทยังไม่ได้เข้าไปทำตลาดมากนัก
“บริษัทวางแผนกลยุทธ์ และบริหารการดำเนินงานได้ดีตั้งแต่หน้าบ้าน คือ ทีมเจ้าหน้าที่การตลาด ซึ่งเป็นทีมงานที่มีประสบการณ์ด้านสินเชื่อรถยนต์ใช้แล้ว และมีความสัมพันธ์ที่ดีกับดีลเลอร์จึงทำหน้าที่สร้างยอดขายได้ตามเป้าหมายไปจนถึงหลังบ้าน ได้แก่ ทีมบริหารหนี้ ซึ่งเป็นทีมงานที่มีความเชี่ยวชาญและเข้าใจตลาด ทั้งนี้ ยังได้ใช้กลยุทธ์ลดอัตราดอกเบี้ยให้กับลูกค้าที่มีประวัติการเงินดีโดยลดมากถึง 1% ทำให้ดอกเบี้ยของบริษัทเริ่มต้นเพียง 2.79% ต่ำสุดในตลาดที่คิด 3.75% ทำให้ได้ลูกค้าคุณภาพและหนี้เสียต่ำ แต่มีผลให้กำไรลดลงบ้าง ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) อยู่ในระดับต่ำกว่าอัตราตลาดถึง 5 เท่า โดยปัจจุบันอยู่ที่ 0.74%” นายวิสิทธิ์กล่าว
นายวิสิทธิ์กล่าวว่า ตั้งเป้าหมายปล่อยสินเชื่อใหม่ 1.8 หมื่นล้านบาท เติบโต 38% ทำให้พอร์ตสินเชื่อคงค้างเพิ่มขึ้น 10% อยู่ที่ 3.5 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ คาดว่าสัดส่วนสินเชื่อจะมีสินเชื่อจำนำทะเบียนเพิ่มขึ้นเป็น 20% สินเชื่อรถยนต์ใช้แล้ว 80% จากปัจจุบันสัดส่วนสินเชื่อรถยนต์ใช้แล้ว 90% สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ 10% และฐานลูกค้าปัจจุบัน 1.28 แสนบัญชี คาดว่าจะเพิ่มเป็น 1.78 แสนบัญชีในปี 2562 และจะขยายสัดส่วนลูกค้าในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดสัดส่วน 50% เท่ากัน จากปัจจุบันลูกค้าในกรุงเทพฯคิดเป็น 30% และต่างจังหวัด 70% ด้านผลการดำเนินงานปี 2562 คาดว่าบริษัทจะมีกำไรทำสถิติสูงสุดใหม่ จากที่เคยสูงสุดในปี 2560 ที่ 620 ล้านบาท และจะบริหารหนี้โดยคาดว่าเอ็นพีแอลจะยังต่ำและอยู่ในกรอบ 0.6-0.7%
นายวิสิทธิ์กล่าวว่า สำหรับปี 2561 ช่วง 11 เดือนที่ผ่านมา มียอดสินเชื่อปล่อยใหม่ 1.18 หมื่นล้านบาท ซึ่งคิดเป็นอัตราเติบโตถึง 20% และคาดว่าสิ้นปีนี้จะทำยอดสินเชื่อทะลุเป้าหมาย 1.3 หมื่นล้านบาท ตามที่บริษัทวางไว้ ขณะที่พอร์ตสินเชื่อคงค้าง 11 เดือนแรก อยู่ที่ 2.8 หมื่นล้านบาท และคาดว่าสิ้นปีที่ 2.9 หมื่นล้านบาท ขณะที่กำไร 11 เดือน อยู่ที่ 522 ล้านบาท คาดว่าทั้งปีจะอยู่ที่ราว 600 ล้านบาท
เกาะกระแสเศรษฐกิจ กับ Line@มติชนเศรษฐกิจใกล้ตัว
