หอกคนกันเอง ข้างแคร่ คสช. พุ่งเป้าประยุทธ์

แม้จะเป็นเรื่องที่ประเมินได้แต่ต้น

ว่ายิ่งเข้าใกล้การเลือกตั้งขึ้นเท่าไหร่ มรสุมที่จะถาโถมเข้าใส่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.

“ว่าที่” นายกรัฐมนตรีในบัญชีรายชื่อของพรรคพลังประชารัฐ

จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น

Advertisement

แต่กระนั้น เมื่อปะเข้ากับความรุนแรงระดับ “สึนามิ” จากการออกจดหมายเปิดผนึกเมื่อวันแรกของสัปดาห์ของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์เอง

หนำซ้ำยังเป็นเพื่อนร่วมรุ่นโรงเรียนเซนต์คาเบรียลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง

หอกที่อยู่ข้างแคร่เล่มนี้ จึงมีอานุภาพในการทำลายล้างรุนแรงอย่างน่าตระหนก

Advertisement

เหตุผล (หรือข้อกล่าวหา) ทั้ง 8 ประการที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธรระบุว่า ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สมควรดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป

มีตั้งแต่ความผิดพลาดบกพร่องในการบริหาร อาทิ การใช้จ่ายงบประมาณที่ไร้ประสิทธิภาพ และการเลือกดำเนินนโยบายต่างประเทศผิดพลาด

ไปจนถึงข้อหาระดับ “ประหารชีวิต” อย่างการส่อทุจริต ที่ระบุชัดถึงขนาดว่า เพื่อนร่วมรุ่นของนายกรัฐมนตรีมีความเคลื่อนไหวที่จะหาผลประโยชน์จากธุรกิจพลังงาน

ฉะนั้น การตอบโต้ “แกมขู่” ที่เริ่มจากระดับโฆษกรัฐบาลอย่าง นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ที่ระบุว่า

หลายประเด็นมาจากความคิดเห็นส่วนตัว ทำให้สังคมเกิดความสับสน

และอาจเข้าข่ายให้ร้ายบุคคลอื่นได้

จึงยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอ

วันต่อมาและวันต่อๆ จึงต้องอาศัยระดับ “บูรพาพยัคฆ์” ทั้ง 3 รายเข้ารับมือ

จาก พล.อ.ประวิตรในฐานะเพื่อนร่วมห้อง ที่ยืนยันจะ “ไม่เคลียร์” กับเพื่อนเก่าตั้งแต่ยังวัยกระเตาะ

เพราะ “พูดส่งเดช”

ไปจนถึงคำรับรองของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย “พี่รอง” ของกลุ่ม ที่เอาประสบการณ์ 40 ปี มาเป็นเครื่องรับประกันความเป็น “คนดี” ของนายกรัฐมนตรี

และตบท้ายด้วยการให้สัมภาษณ์ย้ำของ พล.อ.ประยุทธ์เอง ต่อข้อถามย้ำของผู้สื่อข่าวว่า

ม.ร.ว.ปรีดิยาธรเน้นว่ารัฐบาลนี้เอื้อนายทุนและคนสนิทที่แสดงเจตจำนงร่วมกันในการผลักดันตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติ

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ยืนยันว่าผมไม่มีหรอก แล้วมันมีหรือไม่ล่ะ มันเกิดอย่างที่เขาพูดหรือไม่ ไม่ได้เกิดสักอัน”

เมื่อถามว่า ทำไมช่วงนี้ถึงมีการโจมตีนายกฯค่อนข้างมาก พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า

“ไปถามเขาสิ ไปถามว่าเขากังวลอะไร”

ประเด็นน่าสนใจของกรณีที่เกิดขึ้นจากถ้อยแถลงของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร

มิได้อยู่แค่ว่า “กังวลอะไร” ตามทรรศนะของนายกรัฐมนตรี

แต่ยังอยู่ที่ว่า เป็นความกังวล “ของใคร” อีกด้วย

เป็นความกังวลส่วนตัวของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธรเท่านั้น

หรือเป็น “ยอดภูเขาน้ำแข็ง” ของความกังวลรวมหมู่ จากคนกลุ่มที่คิด-เชื่อคล้ายๆ กัน

ทั้งสองประการมีน้ำหนักและขนาดของผลกระทบที่แตกต่างกันอย่างมหาศาล

จะยึดโยงอะไรได้หรือไม่กับคำให้สัมภาษณ์ของ นายไทกร พลสุวรรณ อดีตแกนนำ กปปส. ผู้มีส่วนร่วมในการจัดม็อบปูทางให้เกิดการรัฐประหาร 2557

ที่ระบุว่า 27 ธันวาคมนี้จะมี “ข่าวใหญ่” เกี่ยวกับตัว พล.อ.ประยุทธ์

หรือสอดรับกันหรือไม่กับข่าวลือที่สะพัดในหมู่ “ชนชั้นสูง” ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา

ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและตัวบุคคลในอำนาจทางการปกครอง

ความเป็นจริงจะเป็นตัวตัดสินว่า สถานการณ์การเมืองของ “ชนชั้นสูง” จะคลี่คลายไปในทางใด

แต่ความเป็นจริงจากช่วงที่ผ่านมาอีกเช่นกัน ที่ตอกย้ำความเชื่อหรือทฤษฎีที่ว่า

ยิ่งใกล้การเลือกตั้งเข้ามาเท่าใด มรสุมสารพัดทั้งเล็กใหญ่จะสาดซัดเข้าใส่ พล.อ.ประยุทธ์

จากทุกทิศทาง

ย้ำตรง-ทุกทิศทาง

หอกที่อยู่ข้างแคร่นั้น อันตรายกว่าดาบทวนที่อยู่ตรงหน้าเพียงใด

วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์คงพอสรุปได้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image