ผู้เขียน | คอลัมน์หน้า 3 มติชน |
---|
แม้จะเป็นเรื่องที่ประเมินได้แต่ต้น
ว่ายิ่งเข้าใกล้การเลือกตั้งขึ้นเท่าไหร่ มรสุมที่จะถาโถมเข้าใส่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช.
“ว่าที่” นายกรัฐมนตรีในบัญชีรายชื่อของพรรคพลังประชารัฐ
จะยิ่งมากขึ้นเท่านั้น
แต่กระนั้น เมื่อปะเข้ากับความรุนแรงระดับ “สึนามิ” จากการออกจดหมายเปิดผนึกเมื่อวันแรกของสัปดาห์ของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล อดีตรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์เอง
หนำซ้ำยังเป็นเพื่อนร่วมรุ่นโรงเรียนเซนต์คาเบรียลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง
หอกที่อยู่ข้างแคร่เล่มนี้ จึงมีอานุภาพในการทำลายล้างรุนแรงอย่างน่าตระหนก
เหตุผล (หรือข้อกล่าวหา) ทั้ง 8 ประการที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธรระบุว่า ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สมควรดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป
มีตั้งแต่ความผิดพลาดบกพร่องในการบริหาร อาทิ การใช้จ่ายงบประมาณที่ไร้ประสิทธิภาพ และการเลือกดำเนินนโยบายต่างประเทศผิดพลาด
ไปจนถึงข้อหาระดับ “ประหารชีวิต” อย่างการส่อทุจริต ที่ระบุชัดถึงขนาดว่า เพื่อนร่วมรุ่นของนายกรัฐมนตรีมีความเคลื่อนไหวที่จะหาผลประโยชน์จากธุรกิจพลังงาน
ฉะนั้น การตอบโต้ “แกมขู่” ที่เริ่มจากระดับโฆษกรัฐบาลอย่าง นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ที่ระบุว่า
หลายประเด็นมาจากความคิดเห็นส่วนตัว ทำให้สังคมเกิดความสับสน
และอาจเข้าข่ายให้ร้ายบุคคลอื่นได้
จึงยังไม่มีน้ำหนักเพียงพอ
วันต่อมาและวันต่อๆ จึงต้องอาศัยระดับ “บูรพาพยัคฆ์” ทั้ง 3 รายเข้ารับมือ
จาก พล.อ.ประวิตรในฐานะเพื่อนร่วมห้อง ที่ยืนยันจะ “ไม่เคลียร์” กับเพื่อนเก่าตั้งแต่ยังวัยกระเตาะ
เพราะ “พูดส่งเดช”
ไปจนถึงคำรับรองของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย “พี่รอง” ของกลุ่ม ที่เอาประสบการณ์ 40 ปี มาเป็นเครื่องรับประกันความเป็น “คนดี” ของนายกรัฐมนตรี
และตบท้ายด้วยการให้สัมภาษณ์ย้ำของ พล.อ.ประยุทธ์เอง ต่อข้อถามย้ำของผู้สื่อข่าวว่า
ม.ร.ว.ปรีดิยาธรเน้นว่ารัฐบาลนี้เอื้อนายทุนและคนสนิทที่แสดงเจตจำนงร่วมกันในการผลักดันตั้งบรรษัทน้ำมันแห่งชาติ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า “ยืนยันว่าผมไม่มีหรอก แล้วมันมีหรือไม่ล่ะ มันเกิดอย่างที่เขาพูดหรือไม่ ไม่ได้เกิดสักอัน”
เมื่อถามว่า ทำไมช่วงนี้ถึงมีการโจมตีนายกฯค่อนข้างมาก พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า
“ไปถามเขาสิ ไปถามว่าเขากังวลอะไร”
ประเด็นน่าสนใจของกรณีที่เกิดขึ้นจากถ้อยแถลงของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร
มิได้อยู่แค่ว่า “กังวลอะไร” ตามทรรศนะของนายกรัฐมนตรี
แต่ยังอยู่ที่ว่า เป็นความกังวล “ของใคร” อีกด้วย
เป็นความกังวลส่วนตัวของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธรเท่านั้น
หรือเป็น “ยอดภูเขาน้ำแข็ง” ของความกังวลรวมหมู่ จากคนกลุ่มที่คิด-เชื่อคล้ายๆ กัน
ทั้งสองประการมีน้ำหนักและขนาดของผลกระทบที่แตกต่างกันอย่างมหาศาล
จะยึดโยงอะไรได้หรือไม่กับคำให้สัมภาษณ์ของ นายไทกร พลสุวรรณ อดีตแกนนำ กปปส. ผู้มีส่วนร่วมในการจัดม็อบปูทางให้เกิดการรัฐประหาร 2557
ที่ระบุว่า 27 ธันวาคมนี้จะมี “ข่าวใหญ่” เกี่ยวกับตัว พล.อ.ประยุทธ์
หรือสอดรับกันหรือไม่กับข่าวลือที่สะพัดในหมู่ “ชนชั้นสูง” ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา
ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างและตัวบุคคลในอำนาจทางการปกครอง
ความเป็นจริงจะเป็นตัวตัดสินว่า สถานการณ์การเมืองของ “ชนชั้นสูง” จะคลี่คลายไปในทางใด
แต่ความเป็นจริงจากช่วงที่ผ่านมาอีกเช่นกัน ที่ตอกย้ำความเชื่อหรือทฤษฎีที่ว่า
ยิ่งใกล้การเลือกตั้งเข้ามาเท่าใด มรสุมสารพัดทั้งเล็กใหญ่จะสาดซัดเข้าใส่ พล.อ.ประยุทธ์
จากทุกทิศทาง
ย้ำตรง-ทุกทิศทาง
หอกที่อยู่ข้างแคร่นั้น อันตรายกว่าดาบทวนที่อยู่ตรงหน้าเพียงใด
วันนี้ พล.อ.ประยุทธ์คงพอสรุปได้