ที่มา | มติชนรายวัน หน้า 18 |
---|---|
เผยแพร่ |
เลิกวิ่งตาม ‘ฟาสต์แฟชั่น’
ฟาสต์แฟชั่น – ยังคงเป็นประโยคฮิตประจำใจเหล่าแฟชั่นนิสต้า กับประโยคที่ว่า “เพราะทุกวันคือรันเวย์”
คติประจำใจของ “คนชอบแต่งตัว” ยิ่งในยุคที่โซเชียลมีเดียมีอิทธิพลอย่างมากในชีวิตประจำวัน ก็ต้องอัพเดตเทรนด์แฟชั่นใหม่ๆ อยู่ตลอด
เพราะเหตุนี้ จึงเกิดคำเรียกที่ว่า “แฟชั่นแบบด่วนๆ” (Fast Fashion) ขึ้นมา
ด้วย “รันเวย์ในชีวิตประจำวัน” ของผู้บริโภค ชอบซื้อเสื้อผ้าในราคาย่อมเยา ใส่ครั้งเดียวทิ้งแบบไม่เสียดาย และสนุกไปกับการแต่งตัวที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆ
แต่ในขณะเดียวกัน “การผลิตเสื้อหนึ่งตัว” ส่งผลกระทบต่อสังคมและโลกใบนี้อย่างคาดไม่ถึง!
โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมสิ่งทอ ที่กว่าจะส่งถึงมือผู้บริโภคนั้น เกิดการสิ้นเปลืองทรัพยากรธรรมชาติและเผาผลาญพลังงานมหาศาล มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และสร้างมลพิษอย่างต่อเนื่อง จากการฟอก ย้อมเส้นใย ตัดเย็บ และขนส่ง
“เมื่อคนซื้อเสื้อผ้าบ่อยขึ้นก็ขนส่งกันถี่ขึ้น นำมาสู่การทำลายต่อโลกและสิ่งแวดล้อมแบบไม่รู้ตัว”
นอกจากนี้การขยันซื้อข้าวของใหม่ตลอดเวลาทำให้ “เสื้อผ้าเก่ากลายเป็นขยะ”
นางอัมพวัน พิชาลัย ผอ.ศูนย์ส่งเสริมศิลปาชีพระหว่างประเทศ (องค์การมหาชน) เผยว่า ในประเทศกำลังพัฒนาโดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียมียอดขายของแบรนด์ฟาสต์ แฟชั่น เติบโตมากกว่า 100% ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากผู้บริโภคซึ่งเป็นชนชั้นกลางมีจำนวนและกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ประกอบกับปัจจัยด้านการตลาดที่เกื้อหนุน แคมเปญการตลาดผ่านสื่อต่างๆ ประสบความสำเร็จอย่างดี ทั้งงานอีเวนต์แฟชั่นโชว์ หรือประชาสัมพันธ์ผ่านบุคคลที่มีชื่อเสียง ซึ่งล้วนแล้วแต่จูงใจให้ผู้บริโภคซื้อตาม
“ฟาสต์ แฟชั่น จึงดูเหมือนเป็นสินค้าที่สวยเก๋ ทันสมัย และราคาถูก แต่กลับมีข้อด้อยคือ เมื่อราคาถูกลงก็ส่งผลให้คุณภาพของสินค้านั้นต่ำลงด้วย และส่งผลให้ผู้บริโภคต้องซื้อสินค้าใหม่มาหมุนเวียนบ่อยขึ้น เพิ่มอัตราการจับจ่ายและปริมาณขยะ อีกทั้งเสื้อผ้าทุกวันนี้ส่วนใหญ่มีส่วนผสมของเส้นใยสังเคราะห์จากปิโตรเลียม ซึ่งต้องใช้เวลาหลายสิบปีในการย่อยสลาย และแฟชั่นแบบเร่งด่วนยังส่งผลต่อพฤติกรรมผู้บริโภคที่ซื้อเสื้อผ้าใหม่บ่อยขึ้น แต่กลับมีการใช้งานที่น้อยลง” นางอัมพวันกล่าว และว่า
“จะดีกว่าหรือไม่หากผู้บริโภคเลิกวิ่งตามฟาสต์แฟชั่น และหันกลับไปหาแฟชั่นในแบบที่ใช้งานได้จริงๆ และอยู่ได้นาน เป็นเสื้อผ้าชิ้นโปรดที่หยิบมาใส่ได้เสมอ ทั้งยังช่วยโลกให้กลับมาสดใสอีกครั้งได้ด้วย”