นายไลโอเนล ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้กระจายการลงทุนเพื่อขยายโอกาสทางธุรกิจ ความมั่นคงและเพิ่มรายได้ของบริษัท จากที่ผ่านมาที่ส่วนใหญ่รายได้ของบริษัทมาจากการขายคอนโดมิเนียมระดับลักซ์ชัวรี่เป็นหลัก ราคาเฉลี่ย 300,000 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งประเมินว่าตลาดที่อยู่อาศัยลักซ์ชัวร์รี่อาจจะชะลอลง เพราะภาพรวมเศรษฐกิจโลกที่ผันผวนอาจจะมีผลต่อกำลังซื้อได้ อย่างไรก็ตาม บริษัทจะยังมีการลงทุนต่อเนื่องในคอนโดมิเนียมคาดว่าเปิดโครงการใหม่ปีละ 10,000 ล้านบาท และลงทุนในธุรกิจอื่น เช่น โรงแรม สำนักงาน ธุรกิจสุขภาพและอาหาร ปีละ 3,000-5,000 ล้านบาท และคาดว่ารายได้ของบริษัทในอนาคตจะมีสัดส่วนรายได้ประจำราว 30% และรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 70% จากปัจจุบันธุรกิจอสังหาริมทรัพย์สัดส่วน 90% และรายได้อื่น10%
นายไลโอเนล กล่าวว่า แผนธุรกิจปี 2562 จะเปิดคอนโดมิเนียม 2 โครงการ มูลค่ารวม 11,000 ล้านบาท ย่านพญาไท และสุขุมวิท 38 และจะขยายธุรกิจโรงแรมอีก 2 แห่ง ที่ย่านเจริญนคร ใกล้ไอคอนสยาม และย่านสุขุมวิท คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงปลายปีนี้ ลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท ทั้งนี้ จะเปิดตัวอาคารสำนักงานให้เช่า วันซิตี้เซ็นเตอร์เพลินจิต พื้นที่ 6 ไร่ และมีพื้นที่ให้เช่าโดยรวมประมาณ 65,000 ตารางเมตร ในช่วงไตรมาสที่ 2 เป็นการร่วมทุนกับพันธมิตรรูปแบบของโครงการมิกซ์ยูส ทั้งบริการด้านร้านอาหาร และเครื่องดื่ม และได้มีการจัดสรรพื้นที่สำหรับสร้างศูนย์การแพทย์ เพื่อรองรับพันธมิตรซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่มีเทคโนโลยีอันทันสมัย มีความชำนาญทางด้านการทำเด็กหลอดแก้ว ผสมเทียม และการเก็บไข่แช่แข็ง ซึ่งคาดว่าจะเปิดบริการได้ตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นไป
นายไลโอเนล กล่าวว่า มีแผนงานที่จะร่วมทุนกับพันธมิตรทางการแพทย์มูลค่ากว่า 1.3 พันล้านบาทเพื่อตอบโจทย์การดูแลสุขภาพของทุกระดับ ที่เขาใหญ่ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งจะร่วมทุนกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในออสเตรเลียและสิงคโปร์ ประกอบด้วยคอนโดมิเนียม โรงแรม และศูนย์สุขภาพการเจริญพันธุ์” เพื่อให้คำปรึกษาด้านการมีบุตร รวมไปถึงศูนย์เวชศาสตร์การชะลอวัย เพื่อรองรับความต้องการของผู้รับบริการแต่ละบุคคล ที่ครอบคลุมการดูแลสุขภาพอย่างรอบด้าน
ทั้งนี้ ธุรกิจด้านอาหาร และเครื่องดื่ม บริษัทยังคงดำเนินงานกับพันธมิตรกลุ่มบ้านหญิง อย่างต่อเนื่อง เพื่อขยายธุรกิจร้านอาหารต่อยอดจากสาขาที่มีอยู่ในสิงคโปร์ โดยมีแผนที่จะขยาย แฟรนไชส์ร้านอาหารออกสู่ภูมิภาคเอเชีย ได้แก่ ไต้หวัน กัมพูชา และจีน ในปีนี้ โดยปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีการรับรู้รายได้ราว 3,000-4,000 ล้านบาท
