เตรียมขยายผลใช้ ม.44 ฟันกลุ่มอิทธิพล หลังคุม 2 ผู้ต้องหาตัดไม้คาดเชื่อมโยงกลุ่มไม่สงบใต้

เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเปิดแผนเขาตะเว ไล่ล่ากลุ่มคนร้ายกว่า 50 คน บุกยึดโรงพยาบาลเจาะไอร้อง ก่อนเปิดฉากยิงถล่มฐานปฏิบัติการกองร้อยทหารพรานที่ 4816 หน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 48 ก่อนหลบหนีขึ้นเขาตะเวแยกย้ายเป็นกลุ่มๆ หลบหนี เหตุเกิดเมื่อ 13 มี.ค.ที่ผ่านมา

ความคืบหน้าล่าสุด พล.ต.โภชน์นวลบุญ ผบ.กองกำลังทหารพรานจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีคำสั่งให้หน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพราน 45,46 และ49 สนธิกำลังร่วมฝ่ายตำรวจและฝ่ายปกครอง เป็นชุดปฏิบัติการติดตามไล่ล่ากลุ่มคนร้ายบนเทือกเขาตะเว ซึ่งเป็นภูเขาลูกใหญ่ ครอบคลุมพื้นที่หลายอำเภอ ทั้งอำเภอระแงะ อำเภอเจาะไอร้อง อำเภอสุไหงปาดี อำเภอจะแนะ อำเภอสุคิริน อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส และอำเภอรามัน จังหวัดยะลา ซึ่งผลการปฏิบัติอีกให้มีการสำรวจพื้นที่ป่าเขาที่ตรวจพบการตัดไม้หวงห้ามจำนวนมาก

จากผลการสืบสวนขยายผลที่ผ่านมายังพบกลุ่มตัดไม้มีความเชื่อมโยงเข้ากับกลุ่มก่อความไม่สงบ เพราะมีการเอื้อผลประโยชน์ต่างๆ ทั้งเงิน การส่งเสบียงแรกกับการช่วยคุ้มครอง โดยกำชับให้เพิ่มการปฏิบัติการ สนับสนุนการบังคับใช้กฎหมายและสนับสนุนเจ้าพนักงานตามคำสั่งแต่งตั้งเจ้าพนักงาน ตามกฎอัยการศึก พ.ศ.2557 ของกองทัพภาคที่ 4 นำกลุ่มผู้กระทำผิดมาลงโทษให้ได้ เนื่องจากการลักลอบตัดไม้ทำลายป่าในพื้นที่ ถือเป็นภัยแทรกซ้อน ที่ พล.ท.วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ แม่ทัพภาคที่ 4 มีการเน้นย้ำสั่งการมาตลอด

พล.ต.โภชน์นวลบุญ ผบ.กกล.ทพ.จชต.กล่าวว่าการเปิดแผนยุทธการเขาตะเว ไล่ล่ากลุ่มคนร้ายบุกยึดโรงพยาบาลเจาะไอร้องและตีถล่มฐานปฏิบัติการกองร้อยทหารพรานที่ 4816 ตั้งแต่วันที่13 มี.ค.ที่ผ่าน กำลัง 3 ฝ่าย สามารถเข้ายึดฐานที่พักและฐานฝึกย่อยของกลุ่มก่อเหตุรุนแรงได้หลายฐาน นอกจากนี้ยังสามารถยึดอาวุธ เครื่องกระสุนปืนสงคราม โดยเฉพาะเสื้อผ้า ผ้าพันคอ ที่คนร้ายใช้ในวันก่อเหตุได้จำนวนมาก แสดงให้เห็นว่ากลุ่มขบวนการต้องการเบี่ยงเบนให้ประชาชนเข้าใจแบบผิดๆ ตรงนี้แสดงให้เห็นได้ชัดจากหลักฐานที่ยึดได้ว่ากลุ่มขบวนการจงใจสร้างความแตกแยก ทำให้เกิดความระแวงระหว่างประชาชนกับเจ้าหน้าที่รัฐ

Advertisement

“อีกทั้งปฏิบัติการเขาตะเวยังทำให้ได้พบข้อมูลการเชื่อมโยงหลากหลายรูปแบบการกระทำผิดกฎหมาย อย่างการเข้ากดดันไล่ล่ากลางป่าเขา เจ้าหน้าที่สามารถยึดฐานย่อยของกลุ่มก่อความไม่สงบ ซึ่งล้วนแต่ตั้งอยู่ในเขตบุกรุกตัดไม้ห้วงห้ามขนาดใหญ่ รวมถึงการบุกรุกผืนป่าสงวน ที่ผ่านมาจากการสืบสวนขยายผลการซักถามผู้ต้องหา หรือกลุ่มผู้ต้องสงสัยพบว่า กลุ่มก่อความไม่สงบในพื้นที่เขาตะเวยังทำหน้าที่คอยดูคุ้มครองความปลอดภัยให้กลุ่มก่อความไม่สงบ แรกกับเงินและค่อยส่งเสบียงให้กลุ่มต่างๆ บนเทือกเขา ทั้งนี้ได้มีคำสั่งให้เปิดแผนไล่ล่าควบคู่ไปกับการปราบปรามกลุ่มอิทธิพลลักลอบตัดไม้ทำลายป่า ถือเป็นภัยแทรกซ้อนตามแนวทางนโยบายของ พล.ท.วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ แม่ทัพภาคที่ 4”

รายงานผลการตรวจยึดพื้นที่ป่าเขาตะเว ภายใต้การสั่งการของ พล.ท.วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ แม่ทัพภาคที่ 4 พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช ผอ.ศูนย์ปฏิบัติการข่าว กอ.รมน.ภ.4 สน. พล.ต.ชินวัฒน์ แม้นเดช รอง ผอ.รมน.ภาค 4 สน. พล.ต.ต.สมเกียรติ์ เนื้อทอง ผบก.ตชด.ภาค 4 ภายใต้มอบหมายให้ ร.ต.ท.อรุณ กุลกัลยา หัวหน้าชุดร่วมทวงคืนผืนป่า สนธิกำลังร่วมทหาร ตำรวจ ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ป่าไม้เข้าพิสูจน์ทราบกลุ่มบุคคลที่ลักลอบตัดไม้ทำลายป่า และร่วมกันออกตรวจปราบปรามการกระทำความผิดกฎหมายป่าไม้ในเขตอุทยานแห่งชาติบูโด-สุไหงปาดี บริเวณเขาตะเว หมู่ 5 บ้านบือแจง หมู่ 8 บ้านโต๊ะอีแต ตำบลบองอ อำเภอระแงะ และหมู่ 4 บ้านกูยิ ตำบลร่มไทร อำเภอสุคิริน จังหวัดนราธิวาส

โดยขณะเข้าใกล้พื้นที่ป่าถูกบุกรุกและได้ยินเสียงเครื่องเลื่อยยนต์ จึงมีการวางแผนเข้าโอบล้อมด้วยการอ้อมเข้าด้านหลังเขา ใช้เวลาในการเดินทางหลายชั่วโมง จากนั้นได้ซุ่มรอดู พบกลุ่มตัดไม้มีจำนวน 5 คน แบ่งเป็นดูต้นทาง 2 คน ส่งเสบียง 1 คน ทำหน้าที่ตัดไม้ 2 คน จากนั้นได้แสดงตนเข้าจับกุม แต่กลุ่มลักลอบตัดไม้ได้วิ่งหนีก่อนเจ้าหน้าที่จะวิ่งติดตามจับกุมมาได้ 2 คน ทำหน้าที่เป็นคนตัดโค่นต้นไม้ ทราบชื่อนายอาแว รอดิง อายุ 33 ปี อยู่บ้านเลขที่ 115/10 หมู่ 8 บ้านโต๊ะอีแต ตำบลบองอ อำเภอระแงะ และนายแวนูซี ซาซารี อายุ 29 ปี บ้านเลขที่ 18 หมู่ 7 บ้านมะนังตายอ ต.มะนังตายอ อ.เมืองนราธิวาส พร้อมตรวจยึดเครื่องเลื่อยยนต์ 2 ตัว และของกลางอีกจำนวน 14 รายการ โดยการตรวจสอบยังพบไม้หวงห้ามจำพวกไม้ตะเคียนชันตาแมว แปรรูป จำนวน 11 แผ่น ไม้ตะเคียนชันตาแมว ผ่าซีก จำนวน 24 ซีกไม้ตะเคียนชันตาแมว เป็นท่อน จำนวน 13 ท่อน จากนั้นเจ้าหน้าที่กองนิติวิทยาศาสตร์ สำนักอำนวยการข่าวกรอง กอ.รมน.ภ.4 สน. ศูนย์ปฏิบัติการนิติวิทยาศาสตร์จังหวัดชายแดนใต้ ตรวจสอบสารพันธุกรรม ( DNA ) หาบุคคลที่กระทำผิด ในพื้นที่พบการถูกบุกรุกแผ้วถาง จำนวน 12 จุด ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ระบุความเสียหายประมาณค่ามิได้ จากนั้นได้นำตัวผู้กระทำผิดทั้ง 2 คน ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ระแงะ ดำเนินการตามกฎหมาย

Advertisement

ร.ต.ท.อรุณ กุลกัลยา หัวหน้าชุดร่วมทวงคืนผืนป่ากล่าวว่า ยังคงพบการตัดไม้ทำลายป่าขยายวงกว้างในเขตพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัตตานี ยะลา นราธิวาส และถึงแม้จะมีมาตรการคุมเข้ม เอาผิดกับกลุ่มผู้ลักลอบ แต่ก็ยังมีกลุ่มคนใช้อิทธิพลเข้ากระทำความผิดอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย โดยเฉพาะช่วงนี้พื้นที่เกิดภัยแล้งหนักกว่าปีที่ผ่านๆ มา หากทุกคนไม่ร่วมมือปกป้องฝืนป่า ในอนาคตไม่นานจะจะสูญหายไป ยิ่งในเขตป่าต้นน้ำสายสำคัญๆ หลายสาย พบป่าต้นน้ำถูกทำลายก็ยิงเกิดความวิตกและเป็นห่วงว่าจะยิ่งทำให้เกิดความแห้งแล้ง จากการขาดน้ำจากพื้นที่ป่าต้นน้ำ อีกทั้งพืชพันธ์ไม้ป่าหายาก จะพบเพียงในพื้นที่ป่าสงวนพื้นที่ภาคใต้ต้อนล่างเท่านั้น นอกจากนี้ยังมีในส่วนของสัตว์ป่าหายากหลายชนิดที่ต้องอาศัยต้นไม้ใหญ่อาศัย หรือใช้ผลจากต้นไม่ใหญ่เป็นอาหาร เช่น นกเงือกหลายสายพันธ์จะพบในผืนป่าภาคใต้ตอนล่างนี้

“เมื่อตัวเมียเลือกโพรงในการทำรัง จะปิดปากโพรงด้วยน้ำลาย มูลกับเศษเปลือกไม้ และขังตัวเองไว้ด้านในโปรงต้นไม้ เหลือเพียงช่องแคบ ๆ ไว้คอยรับอาหารจากจากตัวผู้ที่ทำหน้าที่ดูแลตัวเมียและลูก ส่งอาหารผ่านทางปากโพรง“

ร.ต.ท.อรุณ กล่าวว่าตลอดเวลา 11 ปี ที่ผ่านมาทุ่มแรงกายใจ เพื่อต้องการอนุรักษ์ป่าให้คงอยู่พื้นที่ จนชั่วลูกชั่วหลาน เมื่อเข้าตรวจจะติดแผ่นป้ายข้อความ “คืนผืนป่าเพื่อพ่อ ปกป่าเพื่อแม่” เพื่อต้องการกระตุ้นให้ทุกคนร่วมปกป้อง แต่การจะช่วยรักษาผืนป่าเหล่านี้ ไม่ใช่จะให้ฝ่ายเจ้าหน้าที่อย่างเดียว จึงอยากให้ทุกคนมีจิตสำนึกรักต้นไม้ว่ามีคุณค่า อย่าให้ใครมาทำลาย เมื่อเจอกลุ่มคนที่ไม่ดี ทำผิดกฎหมายตัดไม้ทำลายป่าก็อยากให้ช่วยกันแจ้งฝ่ายเจ้าหน้าที่ในทางลับ ตรงนี้จะช่วยกันทำให้ป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์เอาไว้ได้

รายงานความคืบหน้าควบคุมผู้ต้องหาลักลอบตัดไม้หวงห้ามส่าสุด กำลังเจ้าหน้าที่ 3 ฝ่ายได้ขยายผลจากการซักถามกลุ่มผู้ต้องสงสัยและผู้ต้องหา จนมีข้อมูลนำไปสู่การขยายผลเข้าตรวจสอบบ้านของนักการเมืองท้องถิ่นรายหนึ่งในพื้นที่อำเภอระงะ สามารถตรวจยึดไม้ซุงและไม้แปรรูป เป็นไม้หวงห้าม โดยบังคับใช้กฎหมายเชิญตัวไปซักถามขยายผลที่หน่วยเฉพาะกิจ กรมทหารพรานที่ 46 เพื่อหาที่มาของไม้ห้วงห้ามมาจากที่ใด รวมถึงการขยายผลนำไปสู่การนำผู้ร่วมกระทำผิดมาดำเนินคดีทางกฎหมายด้วย นอกจากนี้ยังมีการจัดเตรียมข้อมูลเสนอให้ผู้บังคับบัญชาที่เกี่ยวข้อง ช่วยตรวจสอบว่ามีกลุ่มข้าราชการหน่วยใดร่วมรับแรกผลประโยชน์ เพื่อเอื้อให้มีการตัดไม้ในพื้นที่หรือไม่

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image