นายเบญจรงค์ สุวรรณคีรี หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารผลิตภัณฑ์ มี บาย ทีเอ็มบี ธนาคารทหารไทย เปิดเผยว่า ดิจิทัลแบงก์กิ้งเทรนด์ในระยะต่อไปผลิตภัณพ์และบริการจะเป็นรูปแบบเฉพาะบุคคลมากขึ้น เพราะแต่ก่อนนี้การพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการมีต้นทุนสูงแต่ปัจจุบันยุคดิจิทัลสามารถทำได้ รวมทั้งสามารถสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้ใกล้ชิดมากขึ้น เข้าใจความต้องการและนำเสนอสิ่งที่เหมาะกับลูกค้าแต่ละรายจากเดิมที่นำเสนอผลิตภัณฑ์จะทำเป็นกลุ่มลุกค้ากลุ่มใหญ่ และต่อไปจะต่อยอดไปสู่ดิจิทัลเซลล์ได้ ซึ่งปัจจุบันไทยมีอัตราการเข้าถึงโมบายแบงกิ้ง 74% สูงเป็นอันดับ 1 ของโลก จากการเดินหน้าโครงการพร้อมเพย์ การยกเลิกค่าธรรมเนียมการโอนเงินผ่านช่องทางดิจิทัล ซึ่งปัจจุบันทุกธนาคารมุ่งมาทางดิจิทัลแบงก์กิ้ง ซึ่งไม่ได้มองเป็นการแข่งขัน แต่มองว่าลูกค้าจะได้ประโยชน์และทำให้ธุรกิจธนาคารมีความสนุกและตื่นเต้นมากขึ้น
นายเบญจรงค์ กล่าวว่า กลยุทธ์ธุรกิจ มี บาย ทีเอ็มบี ปีนี้ ตั้งเป้าหมายบัญชีลูกค้าและฐานเงินฝากเติบโต 20% จากปัจจุบันมีบัญชีลูกค้า 360,000 บัญชี และเงินฝากรวม 50,000 ล้านบาท โดยการขยายฐานลูกค้าใหม่กลุ่ม มีนีดยู เน้นเจนเนอเรชั่นดี หรือดิจิทัล เจนเนอเรชั่น เป็นกลุ่มไม่ได้แยกโดยอายุ หรืออาชีพแต่เป็นกลุ่มที่พร้อมจะลองและเปิดรับเทคโนโลยีใหม่ ๆ ชอบความเร็ว เข้าถึงง่าย คุ้มค่า มองเห็นความสำเร็จ รวมทั้งจะยังรักษาฐาน กลุ่มลูกค้า มีเลิฟยู ที่เป็นกลุ่มลูกค้าที่ใช้งานบ่อยและครบทุกผลิตภัณฑ์ รวมทั้งกลุ่มลูกค้า มีมิสยู เป็นกลุ่มที่ใช้งานบางผลิตภัณฑ์และใช้งานไม่บ่อยมากนัก เพื่อให้มีการใช้งานบ่อยมากขึ้น ปัจจุบันฐานลูกค้าของธนาคารสัดส่วนใหญ่เป็นลูกค้าในกรุงเทพและปริมณฑล 73% และต่างจังหวัด 27% และลูกค้าหลัก 51% ช่วงอายุ 18-34 ปี ขณะที่อายุ 35-44 ปี สัดส่วน 27% และ 22% กลุ่มอายุ 45 ปีขึ้นไป การใช้งานผ่านระบบปฏิบัติการไอโอเอส 68% และแอนดรอยด์ 32%
นายเบญจรงค์ กล่าวว่า ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ของ มี บาย ทีเอ็มบี ได้แก่ มีเซฟ บัญชีเงินฝากดอกเบี้ยสูงกว่าบัญชีออมทรัพย์ทั่วไปถึง 4.5 เท่า หรือเท่ากับ 1.7% ต่อปี จากที่เปิดบริการผ่านมา 7 ปีมีการจ่ายดอกเบี้ยไปแล้วกว่า 4,500 ล้านบาท มีมูฟ บัญชีเพื่อใช้จ่าย พร้อมฟีเจอร์บาลานซ์สวีพ ช่วยโอนเงินที่ไม่ใช้มาอยู่ที่บัญชี มีเซฟ เพื่อรับดอกเบี้ย ปัจจุบันมีลูกค้างาน 48,000 บัญชี สามารถโอนเงินซื้อสินค้าและบริการใช้จ่ายได้สะดวก โดยช่วงเดือนเมษายนนี้จะเปิดให้บริการชำระเงินผ่านคิวอาร์โค้ดอำนวยความสะดวกลูกค้ามากขึ้น และล่าสุด คือ มีชัวร์ ซื้อประกันชีวิตผ่านแอพลิเคชั่นเป็นรายแรกของไทย และมีแผนที่จะขยายการซื้อประกันรูปแบบอื่นโดยเป็นรูปแบบที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้า เช่น ประกันการเดินทาง หรืออื่นๆ เป็นต้น
“มี บายทีเอ็มบี เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2555 หรือ 7 ปีที่ผ่านมา ภายใต้กลยุทธ์ที่ให้มากกว่า และจะมีการส่งมอบ 7 สิ่ง ให้แก่ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ได้แก่ ดอกเบี้ยที่สูงกว่าตลาด บริการเปิดบัญชีที่ไหนก็ได้ และจะพัฒนาให้ง่ายกว่านี้อีก ความปลอดภัยคือหัวใจอันดับหนึ่ง การให้บริการเอสเอ็มเอสผ่านทุกธุรกรรมฟรีไม่คิดค่าธรรมเนียม นวัตกรรมใหม่พยายามเลือกเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์และแก้ไขปัญหาให้ลูกค้า การใช้บริการต้องง่าย และลูกค้าต้องได้สิทธิประโยชน์ที่มากกว่า และสร้างประสบการณ์ที่เป็นดิจิทัลมากขึ้นให้ลูกค้าทุกคน” นายเบญจรงค์ กล่าว
