วันที่ 20 พฤษภาคม 2559 ผู้สื่อข่าวรายงาน ได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “ธนาชัย เกตุโรจน์” ได้แชร์ภาพและเขียนข้อความในเฟสบุ๊กส่วนตัว โดยมีข้อความระบุ “ ผู้ว่าฯ ครับ (พีระศักดิ์ หินเมืองเก่า) สดๆ ร้อนๆ อุ่นๆ …….ครับ ผู้ว่าฯเห็นสภาพภูเขาตามภาพนี้ม่ายครับ เคยมีใครรายงานให้ผู้ว่าฯทราบบ้างหรือไม่ มีนายทุนไปตัดไม้ทำลายป่า เกือบร้อยไร่และทำถนนไปถึงแปลงที่ดินอย่างดิบดี @….เหตุเกิดที่หมู่ 11 ตำบลกรุงชิง อำเภอนบพิตำ จังหวัดนครศรีธรรมราช ฝากผู้ว่าฯ ช่วยดูด้วยว่าหน่วยงานของกรมป่าไม้ ฝ่ายปกครอง ผู้นำท้องที่ อ้วนท้วนสมบูรณ์ดีหรือเปล่า ธนาชัย เกตุโรจน์”
โดยภาพดังกล่าวเป็นภาพที่เห็นเป็นทางขึ้นเขา มีการตัดถนนเป็นเส้นทางขึ้น โดยบริเวณด้านล่างจะมีต้นไม้ปกคลุม หากไม่สังเกตจะมองไม่เห็นทางขึ้นแต่อย่างใด ขณะเดียวกันเมื่อขึ้นไปถึงปลายถนนจะพบว่า มีการบุกรุกพื้นที่ 2 แปลงใหญ่ๆ ขณะเดียวกัน นายพีระศักดิ์ หินเมืองเก่า ผู้ว่าราชการจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้สั่งการให้ ทาง อ.นบพิตำเข้าไปตรวจสอบในพื้นที่อย่างเร่งด่วน
ต่อมา เมื่อเวลา 13.30 น. นายเอนกพันธ์ เพชรพลอย นายอำเภอนบพิตำ ได้สั่งการให้นายธิติภพ ราชประดิษฐ์ ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง พร้อมด้วยชุด ฉก.ศรีวิชัยอำเภอนบพิตำ จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่ามีการบุกรุกพื้นที่เพื่อใช้ทำการเกษตรในท้องที่ หมู่ที่ 11 บ้านหวายช่อ ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ จำนวน 2 แปลง ขณะทำการตรวจสอบไม่พบผู้กระทำผิดอยู่ในที่เกิดเหตุ จะได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบค่าพิกัดว่าพื้นที่ถูกบุกรุกอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติหรือไม่
ด้านนายสุรชัย วรชาญชัย กรรมการและผู้ประสานงานคณะกรรมการเพื่อดำเนินการรับรองสิทธิ์ที่ทำกิน ตำบลกรุงชิง กล่าวว่า ตนเพิ่งทราบเรื่องจากสื่อมวลชนว่ามีการบุกรุกพื้นที่ตำบลกรุงชิง ซึ่งทางคณะกรรมการก็จะต้องตรวจสอบอีกว่า พื้นที่ดังกล่าวได้ลงทะเบียนไว้กับ ครก.หรือไม่ ซึ่งขณะนี้ได้มีผู้ลงทะเบียนไว้ จำนวน 50,000ไร่ ซึ่งทุกคนเพิ่งลงสัตยาบันกันว่าเราจะไม่บุกรุกที่กันอีก ซึ่งชาวบ้านในตำบลกรุงชิงเข้าใจ และพื้นที่ทุกแปลงจะมีผลอาสินและมีการทำประโยชน์ในที่ดินทุกแปลง และหากใครจะเปลี่ยนอาชีพจากที่เคยลงทะเบียนไว้ก็ต้องมาแจ้งให้ ครก.รับทราบ
“ สำหรับแปลงนี้เข้าใจว่าอาจจะเป็นที่ของป่าสงวนฯ ซึ่งต้องรอให้เจ้าหน้าที่ขึ้นตรวจสอบก่อน อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการเพื่อดำเนินการรับรองสิทธิ์ที่ทำกินตำบลกรุงชิง(ครก.) ได้ลงพื้นทั้ง 11 หมู่ ในการประชุมชี้แจงกิจกรรมการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินและการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้ เพื่อให้ชาวบ้านได้รับทราบและร่วมกันรักษาป่าไม้ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และได้นำเอกสารฉบับสมบูรณ์เสนอต่อ กอ.รมน.จังหวัดเพื่อแก้ไขปัญหาในที่ดินทำกินต่อไป” นายสุรชัย กล่าว
สำหรับที่ดินพื้นที่ ต.กรุงชิง และ ต.นบพิตำ รายงานระบุว่า ชาวบ้านในพื้นที่ส่วนใหญ่ได้อ้างใช้สิทธิ สค.1 หรือเป็นที่จับจองในที่ทำกิน รวมทั้งที่อยู่อาศัย ขณะเดียวกันได้มีนายทุนเข้ามากว้านซื้อที่ไว้เพื่อจับจองการทำธุรกิจ รวมทั้งมีเหมืองแร่ขนาดใหญ่ 2-3 เหมือง จนกระทั่งนำไปสู่ความขัดแย้งในพื้นที่อย่างรุนแรง เบื้องต้นทางราชการได้เข้าทำการตรวจสอบพบว่าที่ดินทั้งหมดมีราษฎรบุกรุกไม่ต่ำกว่า 80% ของพื้นที่ และพื้นที่บุกรุกส่วนใหญ่เป็นที่ป่าสงวนแห่งชาติ จึงเป็นปัญหาใหญ่ของจังหวัดนครศรีธรรมราชที่จะต้องเร่งดำเนินการแก้ปัญหาต่อไป
