ผู้เขียน | สาโรจน์ มณีรัตย์ |
---|
ต้องยอมรับความจริงว่าถ้าพูดถึงจังหวัดเลย ต้องย้อนไปสมัยวัยหนุ่ม เพราะตอนนั้นผมรู้จักแค่ภูกระดึง ต่อมาจึงมารู้จักภูเรือ และโดยส่วนตัวผมมีโอกาสขึ้นภูกระดึง 2 ครั้ง แต่ไม่เคยขึ้นภูเรือสักครั้งเดียว
จนมาถึงช่วงเวลาของการทำงาน ผมไม่ค่อยมีโอกาสไปจังหวัดเลย มีแต่นั่งรถข้ามผ่านเพื่อมุ่งหน้าไปจังหวัดขอนแก่น
มารู้จักชื่อภูทอกอีกทีในภายหลัง เพราะภูทอกอยู่อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย ซึ่งผมเองได้ยินชื่ออำเภอเชียงคานหลายครั้ง แต่ไม่เคยไปสักครั้ง
จนเมื่อไม่นานผ่านมามีโอกาสมาทำงานที่เชียงคาน
มีโอกาสไปเยือนภูทอกแบบชะโงกทัวร์
แต่กระนั้น ก็ยังมีโอกาสไปเยี่ยมชมบ้านพิพิธภัณฑ์ไทดำนาป่าหนาด อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์ชีวิตวัฒนธรรมของพวกไทดำ หรือไททรงดำ หรือลาวโซ่ง
เพียงแต่บรรพบุรุษของไทดำของที่นี่สืบเชื้อสายมาจาก สปป.ลาว และเมืองเดียนเบียนฟู ประเทศเวียดนาม ซึ่งคล้ายคลึงกับทางจังหวัดสุพรรณบุรีและเพชรบุรี
จึงทำให้ทราบว่าไทดำสมัยอดีตเคยตั้งถิ่นฐานอยู่บริเวณสิบสองจุไทย ใกล้กับแม่น้ำแต แม่น้ำต๋าว แม่น้ำอู และแม่น้ำโขง
โดยมีพระเจ้าล้านเจื้องเป็นผู้สร้างเมืองแถง (เดียนเบียนฟู) ทั้งยังสถาปนาเป็นเมืองหลวงในปี พ.ศ.2006
โดยทิศใต้ และทิศตะวันตกติด สปป.ลาว ขณะที่ทิศตะวันออกติดเวียดนาม และทิศเหนือติดจีน
กล่าวกันว่าไทดำมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน โดยมีกษัตริย์ปกครองถึง 45 พระองค์ ทั้งยังมีขนบธรรมเนียม จารีตประเพณีงดงาม สำคัญไปกว่านั้นไทดำยังมีภาษาพูด ภาษาเขียนเป็นของตนเอง
ทั้งยังมีธงชาติของตัวเองด้วย
วันที่ผมไปเยือนบ้านพิพิธภัณฑ์ไทดำนาป่าหนาดมีโอกาสเดินชมบ้านเรือน สิ่งของเครื่องใช้ และอุปกรณ์ในการแต่งกายของพวกเขา ซึ่งเห็นแล้วทำให้รู้สึกประทับใจ ที่พวกเขายังคงรักษาเอกลักษณ์วัฒนธรรมไว้อย่างเหนียวแน่น
ทั้งยังมีการเชื่อมโยงกับกลุ่มไทดำ ไทยทรงดำ และลาวโซ่งในภาษาเรียกที่แตกต่างกันอีกกว่า 16 จังหวัดทั่วประเทศด้วย
น่าสนใจมาก
ใครมีโอกาสไปเชียงคาน ต้องมิควรพลาดบ้านพิพิธภัณฑ์ไทดำนาป่าหนาดด้วยประการทั้งปวง
ต่อจากนั้น ผมมีโอกาสไปเยือนถนนคนเดินเชียงคาน ซึ่งต้องยอมรับว่าผมได้ยินกิติศัพท์เมืองเชียงคานหลายครั้ง โดยเฉพาะที่เกี่ยวเนื่องกับการอนุรักษ์บ้านเรือน และอาคารไม้เก่าแก่ตลอดสองข้างทางที่มีความยาวกว่า 3 กิโลเมตร
โดยฝั่งหนึ่งจะติดกับแม่น้ำโขง
ซึ่งก่อนที่ผมจะมา พอดีมีโอกาสคุยกับอาจารย์ท่านหนึ่งที่ทำงานทางด้านอนุรักษ์สถาปัตยกรรมโบราณของเมืองไทยจากสถาบันอาศรมศิลป์ อาจารย์ท่านนี้บอกผมว่าการทำงานทางด้านอนุรักษ์บ้านเรือน และอาคารไม้เก่าแก่ที่ถนนคนเดินเชียงคานนั้นเป็นตัวอย่างหนึ่งของการดึงชุมชนเข้ามามีส่วนร่วม
เพราะนอกจากคนในชุมชนจะมีความเข้มแข็ง เขายังเห็นประโยชน์ในการอนุรักษ์อาคารบ้านเรือน เพราะอาคารบ้านเรือนเหล่านี้มีอายุมากกว่า 100 ปี ทั้งยังมีประวัติศาสตร์ชุมชนเกี่ยวข้องกับการอพยพผู้คนจากศึกสงครามมาตั้งแต่ พ.ศ.1400
โดยศึกสงครามเหล่านั้นเกี่ยวข้องกับประวัติศาสตร์ของ สปป.ลาวด้วย
เพราะฉะนั้นในเรื่องของการย้ายถิ่นฐานจึงเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของประวัติศาสตร์ชุมชน ขณะที่อาคารบ้านเรือนก็เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้วิถีชีวิตของคนในชุมชนถนนคนเดินเชียงคานต่างเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมาย
จนทำให้คนในชุมชนภูมิใจ
และดีใจที่ในวันนี้อาคารบ้านเรือนของพวกเขากลายเป็นประวัติศาสตร์ที่มีชีวิต เพราะไม่แต่เพียงนักท่องเที่ยวจากอำเภออื่นๆ ในจังหวัดเลยจะเข้ามาเที่ยว พักผ่อน
และมาใช้ชีวิตสโลว์ไลฟ์ที่นี่
หากยังมีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก และจากจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศต่างอยากเดินทางมาเที่ยวเมืองเชียงคานสักครั้ง จนทำให้ทุกเสาร์-อาทิตย์ต่างคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมาย
ซึ่งผมเองก็เป็นหนึ่งในจำนวนเหล่านั้น
เพราะนอกจากจะมีเกสต์เฮาส์ บูธีคโฮเต็ลและโรงแรมหลายแห่งติดกับแม่น้ำโขง หากยังมีอาหารการกินต่างๆ มากมายที่ได้รับอิทธิพลบางอย่างจาก สปป.ลาว และเวียดนาม ผสมปนเปไปกับวัฒนธรรมอาหารการกินด้วย
หรือถ้าใครอยากชมวัดก็มีวัดศรีคุณเมืองอันเป็นสถาปัตยกรรมเก่าแก่สมัยล้านนา และล้านช้าง พร้อมๆ กับถ้าใครชอบทำบุญตักบาตรที่นี่ก็จะมีการตักบาตรข้าวเหนียวทุกเช้า คล้ายๆ กับที่หลวงพระบาง
น่าไปเที่ยวมากครับ
โดยเฉพาะฤดูหนาว
ผมจึงอยากเชิญชวนทุกคนไปเที่ยวเมืองเชียงคานกัน ?
สาโรจน์ มณีรัตย์