⦁…ยังโกลาหล และดูท่าจะไม่จบง่ายๆ หลังเคลียร์เก้าอี้ “รมว.เกษตรฯ” กันไม่ลงตัว ว่าจะเป็นโควต้าของ “ประชาธิปัตย์” หรือสาย สมศักดิ์ เทพสุทิน ใน “พลังประชารัฐ” ส่งผลให้ “ประชาธิปัตย์” วางเกม เลื่อนการประชุมเพื่อมีมติ “ร่วมรัฐบาลหรือไม่” ออกไปจนกว่าจะเคลียร์จบ ลามไปถึง อนุทิน ชาญวีรกูล ยกประเด็น “เสถียรภาพ” ขึ้นมาช่วยกดดัน ทำให้ “พลังประชารัฐ” ต้องงัดคำขู่ ว่าจะใช้ “250 ส.ว.” ตั้งนายกฯ
แล้ว “ยุบสภา” ด้วยความเชื่อว่า “พรรคการเมืองไม่อยากเลือกตั้ง” เป็นอันว่าความอลหม่านเกิดขึ้นใน “พรรคร่วมรัฐบาล” เอง
⦁…ส่วนฟาก “ประชาธิปไตย” แม้ “อนาคตใหม่” ถูกนวดเสียน่วม แต่ถือว่าตั้งสติได้ดีเยี่ยม การพลิกมานำเสนอ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ขึ้นมาชิงนายกฯในสภา ถือเป็นเกมที่เฉียบคมพอสมควร เพราะโลกที่กระแสสังคมเป็นของ “คนรุ่นใหม่” ระหว่าง “ชัชชาติ” กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แม้รู้กันอยู่ว่าใครชนะ ทว่า “ใครเลือกใคร” งานนี้มี “อำกันแบบเอาตาย” ในโลกโซเชียลแน่นอน
⦁…ความเก๋าทางการเมืองในการต่อรองเก้าอี้ ยกแรก “ประชาธิปัตย์” กินขาด ยึด “ประธานสภา” ได้สำเร็จ ยกต่อมา “พลังประชารัฐ” จะแก้เกมโชว์ว่าเก๋าเหมือนกัน ด้วยการให้โหวต “บิ๊กตู่” เป็นนายกฯก่อนแล้วค่อยมา “ตั้งรัฐมนตรี” แต่ดูท่าเกมนี้ ไปไม่รอด เพราะ “ประชาธิปัตย์” กับ “ภูมิใจไทย” ที่ผ่านสังเวียนมานาน ฟังที่ “บิ๊กตู่” ให้สัมภาษณ์แล้วรู้ทัน ดีลก็เลยถูกดึงยาว
⦁…ถึงวันนี้ สะท้อนชัดว่า “กลุ่มสืบทอดอำนาจ กุมสภาพในสภาไม่ได้” ต่อให้มีเสียงเกินครึ่ง ทุกครั้งที่โหวตทุกเรื่องจะมีปัญหา “งูเห่า” ที่ “ค่ายกมือ” ดูจะมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจมากที่สุด ประเด็นอยู่ที่หากทำให้ซื้อโหวตได้ ย่อมไม่ใช่ “ฝ่ายเดียวที่จ้องซื้อ” เรื่องราวของ “งูเห่า” เกิดขึ้นได้กับทุกพรรค หากบอกว่าที่จะหนักสุดเป็น “พลังประชารัฐ” ซึ่งรวมตัวกันขึ้นมาด้วย “ความฝันในอำนาจและผลประโยชน์” คำว่า “อุดมการณ์” เป็นเพียงข้ออ้าง “น่าจะเป็นการสรุปที่ปฏิเสธยากอยู่”
⦁…เมื่อโจทย์ของ “ประชาธิปัตย์” อยู่ที่ “ฟื้นฟูพรรค” และหากตรวจสอบฐานเสียงที่สูญเสียแล้ว ย่อมชัดเจนว่าถูกชิงจาก “พลังประชารัฐ” มากที่สุด ดังนั้นแม้จะยังสลัดไม่หลุดกับความฝังใจ ใน “ระบอบทักษิณ” แต่ยุทธศาสตร์เฉพาะหน้าคือ “เรียกคืนฐานเสียง” นั่นหมายถึง “ร่วมรัฐบาล” ด้วยความรู้สึกของ “หอกข้างแคร่” ซึ่งจะทำให้ทุกเกมไม่มีทางยอมกันง่ายๆ
⦁…สำหรับ “ภูมิใจไทย” เงื่อนไขวางไว้ที่ “เสถียรภาพ” อันหมายถึง “จะต้องร่วมรัฐบาลที่อยู่ยาวพอจะเคลียร์เรื่องสำคัญบางอย่างได้ลุล่วง” หากเป็น “รัฐบาลที่เข้ามาเพื่อยุบสภาเลือกตั้งใหม่” ย่อมไม่ใช่ทางที่จะร่วมเดินด้วย หากสภาพเป็นเช่นนี้ “ภูมิใจไทย” ย่อมเลือกที่จะไปตั้งหลักใหม่ หาแนวร่วมที่แก้ปัญหาได้จริง
⦁…อย่างไรก็ตาม เพราะ “รัฐสภา” ถูก “กติกาใหม่” กำหนดให้ ถูกควบคุมด้วย “องค์กรตามกฎหมาย” ที่จะชี้เป็นชี้ตายได้ไม่ยาก สามารถจัดการได้ เหมือนที่ทำให้เห็นกับ “ฝ่ายตรงกันข้าม” ในหลายเรื่อง หาก “ฝ่ายเดียวกัน” วุ่นวาย ย่อมกำหนดให้เผชิญชะตากรรมแบบเดียวกันนั้นได้ หากวันนี้ “ฝ่ายสืบทอดอำนาจ” ยังมั่นใจว่า “องค์กรนอกสภา” ยังเชื่อฟัง
ชโลทร
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่