คอลัมน์ World Update…ใจหาย…ฝรั่งเศสมีผู้หญิงถูกสามี หรืออดีตสามีฆ่าตายทุก 3 วัน!!!
เอเอฟพี รายงานว่าเมื่อปี 2561 มีผู้หญิงในฝรั่งเศสที่ต้องจบชีวิตจากน้ำมือของฆาตกรที่เป็นสามี หรืออดีตสามีถึง 121 ราย หรือหากจะคิดเป็นสัดส่วนก็พบว่าทุก 3 วันมีผู้หญิงในฝรั่งเศสที่เสียชีวิตด้วยสาเหตุนี้ 1 คน
ทั้งนี้ ตัวเลขดังกล่าวถูกเผยแพร่สู่สาธารณชน หลังจากเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา มีประชาชนราว 1,200 คนออกมาเดินประท้วงไปตามท้องถนนในกรุงปารีสเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการแก้ปัญหาความรุนแรงในครอบครัว หลังมีผู้หญิงวัย 30 เศษถูกพบเป็นศพ ถูกรัดคอตายคาบ้าน
ทำให้หลังจากนั้น เมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 กรกฎาคม รัฐบาลฝรั่งเศสก็ประกาศว่าจะเดินหน้าจัดประชุมหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายฝ่าย ทั้งนักวิชาการ ผู้เชี่ยวชาญ รัฐมนตรี หน่วยงานราชการ และครอบครัวของผู้ตกเป็นเหยื่อความรุนแรงราวต้นเดือนกันยายน เพื่อหาทางจัดการปัญหาการกระทำรุนแรงต่อสตรี และปัญหาความรุนแรงภายในครอบครัว
ในรายงานข่าวของเอเอฟพีระบุว่า ในจำนวนหญิงผู้เสียชีวิต 121 ราย มี 26 รายที่ถูกระบุชัดว่าเป็นคดีฆาตกรรม อีก 85 รายเป็นคดีฆาตกรรมโดยไม่เจตนา และอีก 10 รายเป็นการเสียชีวิตที่เกิดจากบาดแผลที่เกิดจากการต่อสู้
ขณะที่ภายในปี 2562 ปีที่ผ่านมาเพียง 6 เดือนเศษ ก็มีรายงานว่ามีผู้หญิง 76 รายแล้วที่เสียชีวิตจาก “femicide” หรือการเสียชีวิตของผู้หญิงที่ถูกฆ่าโดยสามี หรืออดีตสามี
ขณะเดียวกันก็มีตัวเลขจากหน่วยงานรัฐบาลระบุว่า โดยเฉลี่ยทุกปีมีผู้หญิงราว 219,000 คน อายุระหว่าง 18-75 ปี ที่เคยถูกกระทำรุนแรงทางร่างกาย หรือถูกกระทำความรุนแรงทางเพศ ด้วยน้ำมือของสามี หรือ อดีตสามี และมีผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อความรุนแรงถึง 3 ใน 4 ที่บอกว่าถูกกระทำรุนแรงซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า ขณะมีผู้หญิง 8 ใน 10 บอกว่าต้องทนทุกข์ใจ และถูกทำร้ายทางวาจา
ในทางกลับกัน ก็มีตัวเลขของผู้ชายที่ต้องเสียชีวิตจากความรุนแรงภายในครอบครัวว่ามี 28 ราย แต่ในจำนวนนี้มีอยู่ 15 รายที่เคยมีประวัติทำร้ายภรรยา หรือคู่ชีวิตของตน
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้รัฐบาลฝรั่งเศสได้ประกาศเดินหน้าจะประชุมหารือเพื่อแก้ปัญหาความรุนแรงต่อสตรี ภายในต้นเดือนกันยายน แต่กลุ่มนักต่อสู้เพื่อสิทธิสตรี ก็ติดแฮชแท็ก #NousToutes (“All of Us”) หรือ พวกเราทุกคน เรียกร้องให้รัฐบาลรีบดำเนินการแก้ปัญหานี้ในทันที โดยมีแถลงการณ์ว่า “ท่านประธานาธิบดี ความรุนแรงไม่มีวันหยุดพัก ผู้หญิงกำลังตกอยู่ในอันตราย”
ขณะที่มูลนิธิสตรีกล่าวถึงการประชุมหารือที่รัฐบาลกำลังจะจัดขึ้นว่าเป็น “ก้าวแรกที่ดี” แต่ก็ว่า ผู้ตกเป็นเหยื่อต้องการมาตรการที่จริงจังและเป็นรูปธรรม พร้อมด้วยเงินทุนสนับสนุน ไม่ใช่แค่เพียง การรณรงค์เพื่อให้เกิดการรับรู้ถึงปัญหาดังกล่าวเท่านั้น