สถานีคิดเลขที่ 12 : โอกาสมาแล้ว : โดย นฤตย์ เสกธีระ

ผลจากการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจนัดแรกเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

มีประเด็นที่น่าติดตามคือแนวทางรับมือกับปัญหาเศรษฐกิจของไทยในขณะนี้

ที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจได้กำหนดแนวทางเอาไว้ 7 แนวทาง

หนึ่ง ช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยและสร้างความเข้มแข็งให้เศรษฐกิจฐานราก

Advertisement

สอง ช่วยเหลือกลุ่มผู้ประกอบการด้วยการเพิ่มสภาพคล่องแก่ผู้ประกอบการและลูกจ้างที่ได้รับผลกระทบเศรษฐกิจโลก

สาม ยกระดับราคาสินค้าเกษตรและรายได้สุทธิของเกษตรกร

สี่ เร่งรัดเบิกจ่ายงบประมาณและเม็ดเงินภาครัฐ โดยในปี 2562 มีงบประมาณประจำปีรวม 90.7% เป็นงบประจำ 99% และงบลงทุน 60% ส่วนปี 2563 งบประมาณภาพรวม 92.3% งบประจำ 98% และงบลงทุน 70%

Advertisement

ห้า ขับเคลื่อนส่งออก มีเป้าหมายครึ่งปีหลัง ปี 2562 ต้องขยายตัว 3% และการส่งออกในปี’63 จะขยายตัว 3.5%

หก ขับเคลื่อนภาคท่องเที่ยว ครึ่งหลังปี 2562 ต้องมีนักท่องเที่ยว 20 ล้านคน ทั้งปีมีนักท่องเที่ยว 39.8 ล้านคน รายได้รวม 2.04 ล้านล้านบาท

ส่วน ปี 2563 ต้องมีนักท่องเที่ยว 41.8 ล้านคน รายได้รวม 2.22 ล้านล้านบาท

และ เจ็ด สนับสนุนการลงทุนภาคเอกชน

นอกจากนี้ ครม.เศรษฐกิจยังกำหนดแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในปลายปี 2562 นี้ด้วยการทุ่มเงิน 3.1 แสนล้านบาท ลงไปในระบบ

เงินจำนวน 3.1 แสนล้านบาทนี้จะใช้ผ่านโครงการต่างๆ ของรัฐบาล อาทิ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือที่เรียกกันติดปากว่าบัตรคนจน

หรือการจ่ายเงินให้กับผู้สูงวัยเพิ่มขึ้น

และยังมีมาตรการอื่นๆ ทยอยคลอดออกมาอีกมากมาย

เงินจำนวน 3.1 แสนล้านบาทนี้ถือว่าเป็นโอกาส

ประการแรก เป็นโอกาสของประชาชนกลุ่มที่อยู่ในข่ายได้รับความช่วยเหลือจะได้นำไปใช้ประโยชน์ในชีวิต

มีโอกาสดำรงอยู่ และมีโอกาสหาทางเพื่อดำรงชีวิตต่อไป เช่น มีโอกาสไปอบรมอาชีพ เป็นต้น

ประการที่สอง เป็นโอกาสของรัฐบาลที่จะได้แสดงฝีมือ

โชว์ฟอร์มรับมือเศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจภายใน ผลักดันให้เศรษฐกิจไทยเติบโต

หากรัฐบาลทำสำเร็จ ย่อมทำให้ประชาชนเกิดความนิยมสูงขึ้น

ประการที่สาม เป็นโอกาสของพรรคฝ่ายค้าน เพราะการทุ่มงบฯลงไปมาก และต้องใช้ในระยะเวลาอันจำกัดเช่นนี้

โอกาสเกิดการทุจริตคอร์รัปชั่นมีสูงมาก

พรรคฝ่ายค้านมีหน้าที่ตรวจสอบการทำงานของฝ่ายรัฐอยู่แล้ว จึงเป็นโอกาสได้แสดงฝีมือเช่นกัน

ช่วยสอดส่องการใช้งบฯต่างๆ ที่ทุ่มออกไป ดูสิว่ารั่วไหลตรงไหน แล้วใช้เวทีสภาในการเปิดโปง

เชื่อว่าถ้ารัฐบาลทำโดยสุจริต ฝ่ายค้านตรวจสอบอย่างเข้มข้น

เงิน 3.1 แสนล้านบาท ที่ทุ่มออกไปจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน

ตอนนี้เท่ากับว่ารัฐบาลมีแผนการรับมือกับเศรษฐกิจระยะสั้นแล้ว

เหลือเพียงเข้าที่ประชุม ครม.ชุดใหญ่ และแปรแผนไปสู่การปฏิบัติ

จากนั้นก็เป็นโอกาสของคนทั้ง 3 กลุ่ม รัฐบาล ประชาชน ฝ่ายค้าน

ส่วนโอกาสจะไปตกอยู่ที่กลุ่มไหน รอดูอีกไม่นานคงได้เห็น

นฤตย์ เสกธีระ
[email protected]

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image