เมื่อวันที่ 4 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพิจิตรว่า อิทธิพลจากพายุโพดุล ส่งผลให้เกิดฝนตกหนักบนเทือกเขาเพชรบูรณ์ ทำให้เกิดน้ำป่าสะสมไหลเข้าท่วมในพื้นที่จังหวัดพิจิตร แผ่ขยายวงกว้าง โดยมวลน้ำที่ไหลมาตามคลองสาขาลงสู่พื้นที่ต่ำ ลงในคลองบุษบง ซึ่งมวลน้ำที่มีปริมาณมากจนล้นคลอง เข้าท่วม บริเวณวัดสำนักขุนเณร ตำบลวังตะกู อำเภอดงเจริญ จังหวัดพิจิตร โดยน้ำได้ล้นไหลเข้าท่วมพื้นที่วัดที่มีสิ่งปลูกสร้าง ภายในวัด เมรุ ประกอบพิธีฌาปนกิจ และบริเวณโบสถ์ของทางวัด ระดับน้ำท่วม 20-30 เซนติเมตร โดยทางวัดต้องหยุดประกอบพิธีทางพระพุทธศาสนา เนื่องจากน้ำที่ท่วมขัง ขณะที่บ้านเรือนประชาชนที่อยู่ตามแนวริมคลอ ยังได้รับผลกระทบจากน้ำล้นคลอง ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนกว่า 50 หลังคาเรือน
นอกจากนี้น้ำยังล้นคลองบุษบงไหลทางด้านหลังของวัด วัดห้วยเขน อำเภอบางมูลนาก จังหวัดพิจิตร ไหลเข้าท่วมพระอุโบสถโบราณสถานวัดห้วยเขน ที่สร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ 6 เมื่อปี 2460 รวมอายุ 102 ปี ซึ่งภายในพระอุโบสถมีภาพวาดจิตรกรรมฝาผนัง เรื่องทศชาติ และพุทธประวัติที่สำคัญ และที่ทางกรมศิลปากรได้บูรณะไว้ และขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน ถูกน้ำที่ไหลลงมาท่วมแช่ขัง บริเวณโดยรอบพระอุโบสถและด้านใน ระดับท่วมสูงเกือบ 1 เมตร
ขณะที่ชาวนาตำบลห้วยเขน อำเภอบางมูลนาก จังหวัดพิจิตร ต่างเร่งนำกระสอบที่บรรจุทราย เข้ากั้น บริเวณบนถนนในหมู่บ้าน เพื่อไม่ให้กระแสน้ำไหลเข้าท่วมพื้นที่การเกษตร โดยเฉพาะนาข้าว อายุเกือบ 2 เดือน และบ้านเรือนประชาชนที่ติดกับทางไหลของน้ำ เพื่อป้องกันความเสียหาย
ทางด้าน นายชาติชาย เจียมศรีพงษ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพิจิตร พร้อมเจ้าหน้าที่ นำถุงยังชีพที่ประกอบด้วยข้าวสารอาหารแห้ง น้ำดื่ม และยารักษาโรค จำนวน 110 ชุด มอบให้ประชาชนที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วมในพื้นที่ หมู่ที่ 4 บ้านจิตเสือเต้น ตำบลเขาเจ็ดลูก อำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร หลังถูกน้ำป่าจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ไหลเข้าท่วม
ทางด้าน นายแสวง จันทรชุน อายุ 49 ปี อยู่บ้านเลขที่ 35/3 หมู่ที่ 4 ตำบลเขาเจ็ดลูก อำเภอทับคล้อ จังหวัดพิจิตร กล่าวว่า ขณะนี้ประชาชนเดือดร้อนอย่างหนัก เนื่องจากถูกน้ำป่าหลากเข้าท่วม นาข้าวที่ตนเองทำไว้ 30 ไร่ เสียหาย ซึ่งก่อนหน้านั้น เกิดภัยแล้ง ข้าวเริ่มเหี่ยว ตนเองสูบน้ำเข้ามาช่วยจนรอดตาย แต่มาถูกน้ำป่าท่วมครั้งนี้ตายทั้งหมด บ้านไม่เคยถูกท่วมก็ มาท่วม ตนเข้าใจว่าทางภาครัฐจะช่วยในเรื่องของเยียวยา แต่มองว่าการช่วยล่าช้า เพราะชาวนาโดนมา 2 เด้ง การช่วยเหลือมีเพียงท้องถิ่น คือ อบจ. มาช่วยเพียงรายเดียว เท่านั้นที่นำถุงยังชีพมามอบให้
สำหรับน้ำป่าสะสมจากเทือกเขาเพชรบูรณ์ จะไหลลงพื้นที่ด้านล่าง ในอำเภอดงเจริญและอำเภอบางมูลนาก ด้วยปริมาณน้ำที่มากจึงทำให้ล้นคลอง ไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชน พื้นที่การเกษตรนาข้าวก่อน ที่จะไหลระบายลงแม่น้ำน่าน แต่ด้วยระดับน้ำในแม่น้ำน่านที่ยังคงมีระดับสูง จึงทำให้การระบายน้ำเป็นไปด้วยยาก เกิดน้ำท่วมขังเป็นบริเวณกว้าง
