นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์ เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลการสำรวจพฤติกรรมการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลกินเจว่า จากการสำรวจตัวอย่างประชาชนจากทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 16-23 กันยายน 2562 จำนวน 1,215 คน แบ่งเป็นชาย 45.5% หญิง 54.6% พบว่ายอดการใช้จ่ายในช่วงเทศกาลกินเจปีนี้ มีอัตราการขยายตัวต่ำสุดในรอบ 12 ปี นับตั้งแต่ปี 2551-2562 อยู่ที่ 1.3% และมีการขยายตัวลดลงเมื่อเทียบกับปี 2561 ที่มีการขยายตัว 1.9% คาดว่าจะมีเงินสะพัดประมาณ 46,549 ล้านบาท เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่มองว่าเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัว บวกกับราคาอาหารเจที่มีราคาสูงขึ้น
ทั้งนี้ ยังพบว่าประชาชนหันมากินเจในช่วงเทศกาล 37.4% เพิ่มขึ้นจากปี 2561 ที่มีอัตราอยู่ที่ 33.8% จากพฤติกรรมของประชาชนที่เปลี่ยนไปและมีความใส่ใจในสุขภาพมากขึ้น โดยคาดว่าค่าใช้จ่ายโดยรวมในช่วงเทศกาลกินเจ คิดเป็นค่าใช้จ่ายเฉลี่ยตลอดเทศกาลประมาณ 11,155 บาทต่อคน หรือเพิ่มขึ้นกว่า 43.3% ส่วนแหล่งที่มาของการนำเงินมาใช้ในช่วงเทศกาล ส่วนใหญ่พบว่ามาจากรายได้ประจำกว่า 90.8%
นอกจากนี้ ยังพบว่าประชาชนในปัจจุบันยังห่วงสถานการณ์ในประเทศ อาทิ ด้านเศรษฐกิจ 30.6% ปัญหาสังคม 25.3% และด้านการเมือง 27.9% และมองว่าสภาพเศรษฐกิจของไทยในปัจจุบันเริ่มฟื้นตัวขึ้นอย่างช้าๆ กว่า 50% แต่ยังไม่มีความเชื่อมั่นมากนัก โดยคาดว่าจะเริ่มเห็นเศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัดในช่วงครึ่งหลังปี 2563
“เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว และคาดว่าจะฟื้นตัวขึ้นด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยเฉพาะ ชิม ช้อป ใช้ ที่ได้รับการตอบรับจากประชาชนจำนวนมาก และคาดว่าจะลงทะเบียนตามเป้าหมายได้ทั้งสิ้น 10 ล้านคน แต่คาดว่าจะมีคนใช้จ่ายจริงประมาณ 90% หรือ 9 ล้านคน ดังนั้น น่าจะสามารถช่วยเติมเม็ดเงินในระบบเศรษฐกิจได้ประมาณ 20,000-30,000 ล้านบาท” นายธนวรรธน์กล่าว
สำหรับ ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ในปีนี้ ยังมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้ยังโตอยู่ที่ 3-3.2% โดยคาดว่าช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตอยู่ที่ 3.4-3.8% แม้จะมีปัจจัยผลกระทบจากภัยน้ำท่วม ซึ่งคาดว่าจะสร้างความเสีย หายมูลค่า 20,000-25,000 ล้านบาท แต่รัฐบาลเตรียมมาตรการเยียวยา รวมไปถึงมาตรการประกันรายได้ ข้าว ยาง ปาล์ม และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐดังกล่าวด้วย