กลุ่มแสงตะวันพิจิตร ห่วงรัฐบาลเป็นเครื่องมือนายทุน แบน 3 สารเคมี

เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม นายตระการ คุณาวุฒิ กลุ่มแสงตะวัน จังหวัดพิจิตร กล่าวว่า กรณีรัฐบาลกำลังจะแบนสารเคมีฆ่าหญ้า 3 ชนิด ประกอบไปด้วยพาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส โดยส่วนตัวไม่ได้ขัดขวางหรือคัดค้าน แต่อยากให้รัฐบาลมองถึงเมื่อรัฐบาลนั้นจะแบน 3 สารเคมีดังกล่าว รัฐบาลจะหา สารเคมีอะไรมาทดแทนสารเคมี 3 ชนิดนี้ นอกจากนี้ รัฐบาลจะเอาอะไรมาการันตีว่าที่จะเอาสารเคมีตัวใหม่จะไม่มีสารตกค้างหรือสารเป็นพิษ

นอกจากนี้ สิ่งที่เป็นห่วงก็คือเรื่องของราคา เนื่องจากสารตัวใหม่ที่จะนำเข้ามานั้น เท่าที่รู้มีต้นทุนราคาสูงกว่าตัวเก่าเป็นเท่าตัว ซึ่งทำให้เกษตรกรมีต้นทุนราคาสูงขึ้น ทั้งที่ราคาอ้อย ราคาข้าวโพดที่ปลูกกันอยู่นั้นก็ราคาไม่มีอยู่แล้วเป็นการเพิ่มต้นทุนขึ้นไปอีก

“ผมเป็นห่วงรัฐบาลเกรงว่าจะไปเป็นเครื่องมือหรือเอื้อประโยชน์ให้กับนายทุนชุดใหม่ ที่จะไปแบน 3 สารเคมี ซึ่งตรงนี้รัฐบาลต้องดูให้ดี นอกจากนี้ ที่มีการปลุกกระแสว่าจะไปเป็นเกษตรอินทรีย์ ผมว่าถ้าทำในครัวเรือนปลูกกินเองก็ไม่จำเป็นต้องใช้ยาฉีดฆ่าหญ้า ถ้าถามว่า ปลูกอ้อยปลูกข้าวโพดเป็นร้อยไร่ หรือพันไร่ ถามว่าจะจ้างค่าแรงงานไหวไหม ในการถางหญ้าคงไม่ไหว เพราะค่าแรงวันละ 300 บาท เกษตรกรจะเอาเงินตรงไหนไปจ้าง เพราะต้นทุนสูง ทำให้เกษตรกรรับไม่ได้” นายตระการกล่าว

นายตระการกล่าวอีกว่า ดังนั้น รัฐบาลควรให้เวลา ให้มีการปรับตัวสต๊อกสินค้าที่ยังมีอยู่ที่นำเข้ามาแล้ว จะเอาไปไว้ที่ไหน ดังนั้น ผมมองว่าควรไตร่ตรองให้ดีก่อน ซึ่งหลายประเทศไม่ว่าประเทศจีน ประเทศออสเตรเลียก็ยังใช้อยู่ เขาก็ยังไม่มีปัญหาอะไร

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image