เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม สำนักข่าวรอยเตอร์และเอเอฟพีรายงานว่า นางแครี หล่ำ ผู้บริหารสูงสุดเขตปกครองพิเศษฮ่องกง พร้อม สตีเฟน โล ผู้บัญชาการตำรวจฮ่องกง เดินทางไปยังมัสยิดเกาลูน มัสยิดที่ใหญ่ที่สุดนอกประเทศมุสลิม ท่ามกลางการอารักขาของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้มงวด การเยือนดังกล่าวกินเวลาเพียง 20 นาที ก่อนนางหล่ำจะกลับออกมาและไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ กับผู้สื่อข่าว
อย่างไรก็ตามอิหม่าม มูฮัมหมัด อาร์ชาด ผู้นำสูงสุดของมัสยิด เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า นางหล่ำและนายโล เดินทางมาพบเพื่อแสดงความเสียใจและขออภัยต่อทางมัสยิดต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างการปราบปรามการชุมนุมประท้วงเมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา เมื่อเจ้าหน้าที่ใช้รถบรรทุกน้ำผสมสีย้อมสีน้ำเงินและสารก่อความระคายเคือง ฉีดใส่ประตูด้านหน้าและบันไดทางขึ้นมัสยิด ย้อมพื้นที่จนกลายเป็นสีน้ำเงินเห็นได้ชัด โดนอิหม่าม อาร์ชาด ระบุว่าตนในฐานะตัวแทนของมัสยิดยอมรับคำขออภัยดังกล่าวและทางชุมชนมุสลิมยังคงคาดหวังว่าจะใช้ชีวิตร่วมกับชาวฮ่องกงอย่างสงบสันติต่อไป พร้อมยังกล่าวขอบคุณทั้งมุสลิมและชาวฮ่องกงทั่วไปที่รุดมาทำความสะอาดมัสยิดทันทีหลังเหตุการณ์
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้นหลังชาวฮ่องกงที่นับถือศาสนาอิสลามจำนวนหนึ่งแสดงความไม่พอใจต่อเหตุการณ์ดังกล่าว เมื่อมีคลิปแพร่หลายแสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจนำรถฉีดน้ำไปจอดอยู่บริเวณด้านหน้าของมัสยิดหลังไล่ล่าผู้ประท้วงจำนวนหนึ่งมาถึงบริเวณดังกล่าว จากนั้นก็ระดมฉีดน้ำผสมสีย้อมเข้าใส่ผู้สื่อข่าวและผู้ที่ยืนดูเหตุการณ์เพียงไม่ถึง 10 คนที่ข้างถนนด้านหน้ามัสยิดไม่ใช่กลุ่มผู้ประท้วงแต่อย่างใด
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงท้ายๆ ของการชุมนุมประท้วงครั้งใหญ่อีกครั้งในฮ่องกง โดยมีผู้เข้าร่วมเป็นเรือนแสนเมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา และแม้ว่าจะเป็นการเดินขบวนโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่การชุมนุมส่วนใหญ่ก็เป็นไปโดยสงบ ยกเว้นในตอนท้ายการชุมนุมเมื่อผู้ประท้วงวัยรุ่นกลุ่มใหญ่ปะทะเข้ากับเจ้าหน้าที่ตำรวจในหลายจุด เจ้าหน้าที่ใช้แก๊สน้ำตา รถฉีดน้ำ และกระสุนยางเป็นอาวุธในขณะที่ผู้ประท้วงพยายามสร้างเครื่องกีดขวาง จุดไฟเผาและต่อมาอาละวาดใช้ระเบิดขวดพร้อมก้อนหินและอื่นๆ เผาและทุบทำลายหน้าร้าน ร้านค้า และอาคารสำนักงานธนาคารพาณิชย์ซึ่งเชื่อว่ามีส่วนเชื่อมโยงกับจีนแผ่นดินใหญ่ได้รับความเสียหายหลายร้อยร้านสองฟากถนนนาธานย่านธุรกิจสำคัญใจกลางฝั่งเกาลูน
