เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เครือข่ายสนับสนุนการแบนสารพิษที่มีอันตรายร้ายแรง 686 องค์กร ขอขอบคุณ 1.คณะกรรมการวัตถุอันตรายที่ลงมติแบนพาราควอต ไกลโฟเซต และคลอร์ไพริฟอส ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่คำนึงถึงสุขภาพของเกษตรกรและประชาชนเป็นสำคัญ 2.รัฐมนตรีทุกกระทรวงที่กำกับหน่วยงานที่เป็นคณะกรรมการวัตถุอันตราย รวมทั้งพรรคฝ่ายค้านและทุกพรรคการเมืองในสภาผู้แทนราษฎร ที่ผลักดันให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการควบคุมการใช้สารเคมีในภาคเกษตรกรรมและมีมติแบนสารพิษทั้ง 3 ชนิดนี้ และ 3.การเคลื่อนไหวขององค์กรภาคประชาชนในระดับต่างๆ ที่ร่วมขับเคลื่อนอย่างจริงจังและต่อเนื่อง
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้เกิดขึ้นได้ เนื่องจากกระบวนการทางสังคมและการเมืองที่รู้ร้อนรู้หนาวต่อปัญหาของประชาชน อย่างไรก็ตามรัฐบาลต้องมีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนเกษตรกรให้สามารถปรับเปลี่ยนไปสู่วิถีเกษตรกรรมที่ปลอดภัยและยั่งยืน โดยที่เกษตรกรต้องไม่ใช่ผู้รับภาระต้นทุนจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าว
ทั้งนี้การแบนสารพิษที่มีความเสี่ยงสูง 3 ชนิดนี้ จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่จะทำให้ระบบเกษตรกรรมและระบบอาหารของประเทศมุ่งไปสู่ทิศทางที่ยั่งยืน