สกู๊ปพิเศษ : ‘แอนดี้ เมอร์เรย์’ กว่า 1 ปีของความเจ้าน้ำตา

แอนดี้ เมอร์เรย์ ร้องไห้หลังคว้าแชมป์ "ยูโรเปี้ยน โอเพ่น" (Photo by JOHN THYS / BELGA / AFP)

ช่วงระยะเวลา 1-2 ปีมานี้ เป็นช่วงที่ แอนดี้ เมอร์เรย์ อดีตนักเทนนิสมือ 1 ของโลกชาวสก๊อต ต้องเสียน้ำตาในที่สาธารณะบ่อยมาก

ปีที่แล้วในรายการ ซิตี้ โอเพ่น ที่กรุงวอชิงตัน ดีซี เมอร์เรย์ถึงกับน้ำตาร่วงหลังจากดวลมาราธอนกับ มาริอุส โคปิล และเอาชนะไปในช่วงเวลาตีสามกว่าตามเวลาท้องถิ่น

เหตุผลเบื้องหลังน้ำตาในครั้งนั้นเนื่องจากเมื่อต้นปี เขาต้องเข้ารับการผ่าตัดรักษาอาการเจ็บสะโพกเรื้อรัง และหลายต่อหลายครั้งที่ต้องเล่นโดยยังมีอาการเจ็บแปลบรบกวนในทุกอิริยาบถ

มาถึงศึกแกรนด์สแลม ออสเตรเลียน โอเพ่น เมื่อต้นปีนี้ อารมณ์ของเมอร์เรย์ยิ่งดิ่งลงไปเมื่อเขาแถลงข่าวทั้งน้ำตาว่านี่อาจจะเป็นทัวร์นาเมนต์สุดท้ายของตัวเองเพราะไม่อาจจะฝืนร่างกายแข่งทั้งที่เจ็บปวดตลอดเวลาไม่ไหว

Advertisement

ยอดนักหวดชาวสก๊อตเล่าไปร้องไห้ไปว่า แค่เดินก็รู้สึกเจ็บแล้ว หรือจะก้มลงผูกเชือกรองเท้ายังทำได้ลำบาก

บรรยากาศที่แสนเศร้านี้ทำให้คนในแวดวงสักหลาดโลกออกมาแสดงความเห็นใจและเป็นห่วงกันมหาศาล ขณะที่ฝ่ายจัดการแข่งขันจัดวีทีอาร์พิเศษสัมภาษณ์เพื่อนร่วมอาชีพทั้งในอดีตและปัจจุบันมาเปิดในสนามคล้ายๆ แทนคำอำลา

เมอร์เรย์เข้ารับการผ่าตัดเสริมเหล็กที่สะโพก (ภาพจากอินสตาแกรม @andymurray)

หลังจากนั้นไม่กี่สัปดาห์ เมอร์เรย์ก็เข้ารับการผ่าตัดใส่ชิ้นส่วนเหล็กเข้าไปบริเวณสะโพกเพื่อรักษาอาการบาดเจ็บเรื้อรัง เป็นการวัดดวงครั้งสำคัญของเจ้าตัว เพราะที่ผ่านมาไม่เคยมีนักเทนนิสคนใดที่ผ่าตัดในลักษณะนี้แล้วกลับมาแข่งขันประเภทเดี่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพอีก

Advertisement

ต่อมาในเดือนมิถุนายน เมอร์เรย์ก็ตัดสินใจคืนคอร์ตอีกครั้ง โดยเริ่มต้นชิมลางจากการแข่งขันประเภทคู่ ด้วยการจับคู่กับ เฟลิเซียโน่ โลเปซ นักหวดมือเก๋าชาวสเปนในรายการควีนส์คลับ

พอมาถึงศึกแกรนด์สแลม วิมเบิลดัน เขาก็เรียกเสียงฮือฮาด้วยการจับคู่กับ เซเรน่า วิลเลียมส์ กลายเป็นคู่หู “ดรีมทีม” ลงแข่งขันประเภทคู่ผสมที่ออลอิงแลนด์คลับ โดยผ่านไปถึงรอบสาม ขณะที่ประเภทชายคู่กับ ปิแอร์ อูเก้ส์ เอร์แบร์ สิ้นสุดเส้นทางแค่รอบสอง

หลังจากนั้น เมอร์เรย์ก็ยังลงแข่งขันประเภทคู่อยู่เรื่อยๆ เพื่อเป็นการเรียกความฟิต และไม่ฝืนให้ร่างกายรับภาระหนักจนเกินไปแบบการแข่งขันประเภทเดี่ยว

กระทั่งถึงรายการ ซินซินเนติ มาสเตอร์ส ที่สหรัฐอเมริกา ในเดือนสิงหาคม เขาจึงเริ่มกลับมาแข่งประเภทเดี่ยว แม้จะตกรอบแรก แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของการแข่งขันประเภทเดี่ยวอย่างจริงจัง โดยเฉพาะในการทัวร์แข่งเอทีพีทัวร์ฝั่งเอเชีย 3 รายการ ที่จูไห่ ปักกิ่ง และเซี่ยงไฮ้ ซึ่งเขาเริ่มเก็บชัยชนะได้บ้าง

จนถึงรายการล่าสุด ในศึก ยูโรเปี้ยน โอเพ่น ที่เมืองแอนต์เวิร์ป ประเทศเบลเยียม เมอร์เรย์ก็เรียกเสียงฮือฮาอีกครั้งด้วยการเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ ก่อนจะปราบ สตานิสลาส วาวรินก้า นักหวดดังชาวสวิส 2-1 เซต 3-6, 6-4, 6-4

ชัยชนะครั้งนี้เป็นแชมป์เอทีพีทัวร์รายการที่ 46 ของเมอร์เรย์ แต่เป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปีของนักเทนนิสวัย 32 ปี และทำให้อันดับโลกของเขากระโดดจากอันดับ 243 ขึ้นไปสู่อันดับ 127 ภายในสัปดาห์เดียว

แน่นอนว่าหลังเก็บแต้มสุดท้ายได้สำเร็จ น้ำตาของเมอร์เรย์ก็ไหลออกมาอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นความรู้สึกที่แตกต่างไปจากปีที่แล้วและเมื่อต้นปีนี้ เพราะเป็นน้ำตาแห่งความยินดีหลังจากก้าวข้ามอุปสรรคสำคัญตรงทางแยกระหว่างการไปต่อกับการยุติเส้นทางในวงการสักหลาดโลก

เมอร์เรย์กับถ้วยแชมป์ “ยูโรเปี้ยน โอเพ่น” (Photo by JOHN THYS / BELGA / AFP)

เมอร์เรย์กล่าวว่า เป็นความรู้สึกสุดยอดมากๆ ที่ได้กลับมาแข่งขันอีกครั้ง ได้เจอกับคู่แข่งอย่างวาวรินก้าในรอบชิงชนะเลิศ และกลับมาชนะหลังเสียเซตไปก่อน ทั้งที่ไม่ได้คาดหวังว่าจะมายืนจุดนี้ได้เลย

ส่วนเรื่องที่ช่วงหลังๆ อ่อนไหวง่ายจนต้องเสียน้ำตาบ่อยๆ นั้น เมอร์เรย์บอกว่าไม่แน่ใจว่าเพราะอะไรเหมือนกัน ต่างคนต่างก็มีเหตุผลแตกต่างกันไป อาจเป็นเพราะช่วง 2-3 ปีมานี้ ตนต้องเจอกับสถานการณ์หนักๆ หลายอย่าง และเทนนิสก็เป็นกีฬาที่รัก เมื่อมาถึงจุดนี้ได้จึงเก็บอารมณ์ไม่อยู่

สำหรับเส้นทางหลังจากนี้ยังอีกยาวไกลกว่าที่เมอร์เรย์จะกลับไปยืนหยัดอยู่ในแถวหน้าของวงการเหมือนเมื่อครั้งเขาอยู่ร่วมกลุ่มกับเหล่า “บิ๊ก 3” โรเจอร์ เฟเดอเรอร์, ราฟาเอล นาดาล และ โนวัก โยโควิช

ทั้ง 3 คนข้างต้น วันนี้ต่างก็มีปัญหาบาดเจ็บ และสภาพร่างกายที่ร่วงโรยไปตามกาลเวลา มากบ้างน้อยบ้างแตกต่างกันไป

กลุ่มบิ๊ก 3 อาจจะยืนระยะและรักษาสภาพร่างกายกับฟอร์มการเล่นได้ดีกว่าในช่วงที่ผ่านๆ มา แต่บางคน อาทิ เฟเดอเรอร์ในวัย 38 ปี ก็ถือว่าใกล้ฝั่งเต็มทีสำหรับชีวิตของนักเทนนิสอาชีพ

เมอร์เรย์ที่ได้เปรียบกว่าเรื่องอายุยังมีเวลาที่จะเรียกความฟิตและรีดฟอร์มเก่งของตัวเองกลับมา

ส่วนจะกลับไปสู่ยอดสุดของวงการอย่างการเป็นมือ 1 โลก หรือการคว้าแชมป์แกรนด์สแลมได้อีกหรือไม่

คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์เท่านั้น

ติดตามข่าวเด็ดกีฬาดัง ทาง Line@ มติชนกีฬา (@matisport) คลิกเลย
เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image