จากกรณีที่กรมวิชาการเกษตร เสนอให้การแบนสารพิษ ได้แก่ พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต เลื่อนจากวันที่ 1 ธันวาคม 2562 ไปอีก 6 เดือน หลังจากการทำประชาพิจารณ์ พบว่าประชาชนร้อยละ 75 ยังสนับสนุนให้ใช้สารเคมีทางการเกษตรต่อไปนั้น
เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า สธ.มีความชัดเจนเป็นอย่างยิ่งว่า อะไรก็ตามที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ไม่สมควรให้ใช้ต่อไป ส่วนเรื่องสารทดแทน เป็นความรับผิดชอบของหน่วยงานอื่น สำหรับ สธ.มีหน้าที่รักษาพยายาบาล ที่ผ่านมา เห็นผลกระทบจากการใช้สารพิษที่เลวร้าย ดังนั้น ตัวแทนของ สธ.ในคณะกรรมการวัตถุอันตรายจึงตัดสินใจแบน
นายอนุทิน กล่าวต่อไปว่า ถ้าดูภาพรวมของมติคณะกรรมการวัตถุอันตราย ทั้งคณะจะพบว่าฝ่ายที่แบนมีมากกว่าด้วยสัดส่วน 3 ต่อ 1 ถือว่าชัดเจนแล้วว่าผลออกมาเป็นอย่างไร ส่วนจะเลื่อนไป 6 เดือน ทำได้หรือไม่ อยากให้ไปดูกฎหมาย แต่ขอวิงวอนว่าการจะทำอะไรต่อจากนี้ ขอให้ตั้งอยู่บนประโยชน์สูงสุดของประชาชน เรื่องสุขภาพเป็นเรื่องสำคัญ ขอให้ทุกฝ่ายทำงานบนความซื่อสัตย์ ไม่มีวาระซ่อนเร้น พืชผักผลไม้เป็นเรื่องที่ประชาชนบริโภคทุกวัน ต้องคิด ต้องตัดสินใจกันให้ดี
“ผมมั่นใจว่าคณะกรรมการวัตถุอันตราย ที่มีมติให้แบน 3 สารพิษ ต่างคิดมาดีแล้ว ส่วนใครที่ยกผลการทำประชาพิจารณ์มาสนับสนุนให้ใช้สารพิษต่อ ผมจะถามกลับว่า ในสภาผู้แทนราษฎรซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชน ยกมือสนับสนุนให้แบนสารพิษ 423 ต่อ 0 เห็นชอบกับผลการศึกษาของคณะกรรมาธิการพิจารณาผลกระทบการใช้สารเคมีการเกษตร ซึ่งผลการศึกษาระบุชัดว่า ต้องแบนสารพิษ และให้มีการเตรียมความพร้อมประเทศไทย เป็นเกษตรอินทรีย์ 100% ในปี 2573 เสียงของผู้แทนประชาชนออกมาแบบนี้ แล้วจะเอาอย่างไร ที่สุดแล้ว เรื่องแบนสารพิษจะเดินหน้าไปทางไหน ก็ต้องรอดูการตัดสินใจของคณะกรรมการวัตถุอันตราย” นายอนุทิน กล่าว
วันเดียวกัน ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน นำคณะผู้บริหาร สธ. อาทิ นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัด สธ. นพ.พิศิษฐ์ ศรีประเสริฐ รองปลัด สธ. ร่วมประชุมทางไกลกับนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.) และผู้อำนวยการโรงพยาบาลทั่วประเทศ (ผอ.รพ.) แถลงจุดยืนสนับสนุนการแบนสารพิษ ในวันที่ 1 ธันวาคมนี้เป็นไป ตามมติของคณะกรรมการวัตถุอันตราย
นายอนุทิน กล่าวว่า สธ.ทราบถึงผลกระทบของการใช้สารเคมี พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต ซึ่งไม่ได้เพียงสร้างผลเสียต่อสุขภาพของเกษตรกร เกิดแผลพุพอง ทุกข์ทรมาน แต่ยังตกต้างในผักผลไม้ กระทบต่อผู้บริโภค มีผลวิจัยยืนยันข้อมูล ทั้งนี้ สารดังกล่าวเมื่อถูกชะลงน้ำ จะเข้าไปปนเปื้อนในพืชผักผลไม้ สร้างอันตรายเป็นวงกว้าง
“จุดยืนของเรามีเพียงอย่างเดียวคือ แบนสารพิษ และต้องแบนในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ เป็นไปตามมติของคณะกรรมการวัตถุอันตรายเมื่อวันที่ 22 ตุลาคมที่ผ่านมา ไม่เห็นควรให้เลื่อนออกไปอีก ขอให้รับทราบโดยทั่วกัน” นายอนุทิน กล่าว
ด้าน นพ.สุขุม กล่าวว่า การใช้สารเคมีอันตรายทั้ง 3 ชนิด เกิดผลกระทบต่อสุขภาพแก่ประชาชนอย่างมากมาย ดังเช่นผู้ป่วยที่มีการรายงาน รวมทั้งมีผลกระทบต่อประชากรรุ่นใหม่ของประเทศ จุดยืน สธ.คือสนับสนุนการยุติการใช้สารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพทั้ง 3 ชนิด เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นของคนไทย
ด้าน นพ.พิศิษฐ์ กล่าวว่า จากข้อมูลด้านการแพทย์และสุขภาพของ สธ.ในปี 2561 พบผู้ป่วยโรคจากพิษสารเคมีกำจัดศัตรูพืชมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ข้อมูลวิชาการพบว่า พาราควอตเป็นสารที่มีพิษเฉียบพลันสูง ปัจจุบันไม่มียาถอนพิษ สำหรับไกลโฟเซต สถาบันวิจัยมะเร็งระหว่างประเทศภายใต้องค์การอนามัยโลก กำหนดให้เป็นสารที่น่าจะก่อมะเร็งได้ ส่วนคลอร์ไพริฟอส งานวิจัยต่างประเทศพบว่า เป็นสารที่รบกวนการทำงานของระบบต่อมไร้ท่อ ระบบไทรอยด์ กระตุ้นการเจริญเติบโตเซลล์มะเร็งลำไส้ มีผลต่อความผิดปกติด้านพัฒนาการทางสมองของเด็กที่แม่ได้รับสารระหว่างตั้งครรภ์