คงไม่มี “พระราชวัง” แห่ง “พระราชา” ที่ไหนในโลกที่จะเหมือน “พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต” ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพราะมิได้เป็นเพียงที่ประทับส่วนพระองค์เท่านั้น หากยังทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้นำพื้นที่บางส่วนในเขตพระราชฐานมาเป็น “โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา” ตั้งแต่ปี 2504 เป็นแหล่งเรียนรู้เพื่อพระราชทานแก่ผู้ประกอบอาชีพเกษตรกรรมซึ่งเป็นประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ รวมทั้งผู้ที่สนใจทั่วไป โดยใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์ในการทดลอง เพื่อมุ่งแสวงหามิติใหม่แห่งภูมิปัญญา โดยเป็นโครงการที่ดำเนินโดยไม่หวังผลตอบแทน
นับจากวันนั้นถึงวันนี้ โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา ดำเนินงานมาเป็นเวลา 55 ปีแล้ว เผยแพร่องค์ความรู้ต่างๆ ทั้งด้านเกษตรกรรม ปศุสัตว์ ประมง ป่าไม้ ให้แก่เกษตรกรและประชาชนทั่วไปเพื่อสร้างความอยู่ดี กินดี ความหวัง และความยั่งยืน
เนื่องในปี 2559 นับเป็นปีมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองสิริราชสมบัติครบ 70 ปี สถาบันส่งเสริมและพัฒนากิจกรรมปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ ร่วมกับ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์กรมหาชน) จัดกิจกรรมพิเศษ เปิดปฐมบทแห่งการพัฒนาเพื่อประชาผาสุก ณ ศาลามหามงคล โครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา
ท่านผู้หญิงบุตรี วีระไวทยะ รองราชเลขาธิการ สำนักพระราชวัง และประธานกรรมการมูลนิธิปิดทองหลังพระ สืบสานแนวพระราชดำริ กล่าวว่า งานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังคงทำอย่างต่อเนื่องและพัฒนาไปเรื่อยๆ อย่างยั่งยืน ซึ่งงานต่างๆ ที่ทรงทำจะเป็นประโยชน์ต่อคนในอนาคต เป็นรากฐานที่งอกเงยและเป็นประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ
“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเคยรับสั่งว่าถ้าจะไปบอกชาวนาให้ปลูกข้าว พืช หรือต้นไม้อะไร ถ้าไม่ทรงทราบว่าปลูกอย่างไร จะพูดกับเขารู้เรื่องไหม ชาวนามีภูมิปัญญาแต่ขาดโอกาส แต่ถ้าพระองค์มีความรู้ มีข้อมูล ก็จะไปคุยกับชาวนารู้เรื่อง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงดูแลประชาชนและทรงห่วงใยมาตลอด การเข้าใจ เข้าถึง พัฒนา เป็นสิ่งสำคัญ และไม่ว่าบ้านของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะอยู่ที่ใด ไม่ว่าจะเป็นพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน วังไกลกังวล พระตำหนักภูพิงคราชนิเวศน์ ทรงสร้างศูนย์การเรียนรู้ขึ้น เพื่อช่วยเหลือราษฎรในพื้นที่นั้นๆ ด้วย” ท่านผู้หญิงบุตรีกล่าว
นอกจากนี้ ภายในงานยังมีการบรรยายพิเศษจากข้าราชบริพารที่ทำงานรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท อาทิ ทรงศักดิ์ วงศ์ภูมิวัฒน์ ประธานอนุกรรมการพัฒนาระบบข้าราชการ กล่าวว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเป็นนักวิชาการ นักวิทยาศาสตร์ นักสังคมศาสตร์ ประวัติศาสตร์ การทรงงานเริ่มจากโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา ที่มีการค้นคว้า ทดลอง วิจัย ส่งผลให้งานในห้องแล็บไปสู่ประชาชนข้างนอกให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี
ด้าน วิรินทร์ บุษบรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านการส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า มีโอกาสได้ถวายงานพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเมื่อปี 2516 พระองค์เสด็จแปรพระราชฐานไปยังพระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ จ.นราธิวาส ที่นี่ทรงสนพระทัยเรื่องชลประทานเป็นอันดับแรก เพราะนราธิวาสมีปัญหาเรื่องน้ำ รับสั่งว่าต้องแก้ปัญหาเรื่องนี้ก่อน และศูนย์ศึกษาการพัฒนาพิกุลทองอันเนื่องมาจากพระราชดำริเกิดขึ้นเมื่อปี 2525 ที่นี่ศึกษาเรื่องข้าวเหมือนในสวนจิตรลดา โดยศึกษาพันธุ์ข้าวกว่า 100 ชนิด
สำหรับโครงการส่วนพระองค์ สวนจิตรลดา มีโครงการสาธิตต่างๆ มากมาย อาทิ โรงนมยูเอชที โรงนมเม็ดสวนดุสิต โรงสีข้าวตัวอย่าง โรงบดแกลบ นาข้าวทดลอง โรงโคนม โรงเพาะเห็ด โรงกระดาษสา โรงน้ำผลไม้ การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ กังหันลม บ้านพลังงานแสงอาทิตย์ และระบบสูบน้ำพลังงานแสงอาทิตย์ ป่าไม้สาธิต บ่อเพาะเลี้ยงสาหร่ายเกลียวทอง การเพาะเลี้ยงปลานิล เป็นต้น
“บ้านของพ่อ” พระราชวังที่ไม่เหมือนพระราชวังแห่งใดในโลก