ศ. นพ.สุทธิพันธ์ จิตพิมลมาศ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) กล่าวตอนหนึ่งในการเป็นประธานเปิดงาน User Forum “ขับเคลื่อนงานวิจัยสู่อุตสาหกรรมอนาคต (New S-curve): กลุ่มอุปกรณ์การแพทย์ เวชสำอาง และอาหารสุขภาพ” จัดโดย สกว. ร่วมกับกลุ่มอุตสาหกรรมผู้ผลิตเครื่องมือแพทย์และสุขภาพ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยที่ โรงแรมสวิสโซเทล เลอ คองคอร์ด รัชดาฯ วันที่ 29 มิถุนายนว่า
ขณะนี้ประเทศไทยอยู่ในระหว่างการเปลี่ยนแปลงในหลายด้าน ทั้งแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ควบคู่กับการก้าวเข้าสู่แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 และมีโมเดล“ประเทศไทย 4.0” เป็นตัวปรับเปลี่ยนโครงสร้างเศรษฐกิจไปสู่ “เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม” (Value–Based Economy)
ในปี 2560 สกว.จะได้รับการจัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมจากรัฐบาล 500 ล้าบาท เพื่อสนับสนุนการวิจัยในกลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย โดยจะต้องเน้นการทำงานให้ตอบสนองความต้องการของผู้ประกอบการ และเกิดการใช้ประโยชน์ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อย่างแท้จริง
ทั้งนี้ผลงานที่นำมาจัดแสดงในงานดังกล่าว ประกอบด้วย 1. กระดูกเทียมจากเปลือกหอย โดย น.พ.สิทธิพร บุณยนิตย์ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งสังเคราะห์วัสดุที่มีสมบัติเทียบเท่ากระดูกมนุษย์และมีความอ่อนนุ่ม โดยนำแป้งข้าวเจ้าผสมกับไฮดรอกซีอะพาไทต์จากผงเปลือกหอย พร้อมสารตัวช่วยต่าง ๆ ให้เป็นแผ่นนุ่มเนื้อพรุนสำหรับรักษาหรือซ่อมแซมกระดูก
2. ผลิตภัณฑ์ยับยั้งเอชไอวีชนิดทาจากสารธรรมชาติ โดย ศ. ดร.วิภาวี นิตยานันทะ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ หรือมอ. ซึ่งพัฒนาสูตรและกรรมวิธีผลิตผลิตภัณฑ์ชนิดทา ซึ่งมี“ไมโครบิไซด์” (Microbicides) ที่มีฤทธิ์ยับยั้งการติดเชื้อเอชไอวีผ่านทางเนื้อเยื่อบุผิว รวมทั้งจุลชีพก่อโรคที่มากับการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ผู้ที่มีความเสี่ยงโดยเฉพาะสตรีและกลุ่มรักร่วมเพศสามารถป้องกันตนเองจากการติดเชื้อผ่านทางช่องคลอดและช่องทวารหนัก
3. ผลิตภัณฑ์กันแดดจากแก่นสีเสียด โดย ผศ. ดร.อรพรรณ อนุรักษ์วรกุล คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนคร พัฒนาผลิตภัณฑ์ทางเลือกจากสมุนไพรท้องถิ่นที่สามารถใช้ทดแทนหรือลดการใช้ครีมกันแดดจากสารเคมีได้เป็นอย่างดี ปกป้องรังสี UVA และ UVB ช่วยบำรุงผิว ยังยั้งการสร้างสีของผิวหนัง มีฤทธิ์ต่อต้านอนุมูลอิสระ
4. เจลแต้มสิวจากโปรตีนชีวสารกึ่งบริสุทธิ์ (แบคทีริโอซิน) โดย รศ. ดร.มณฑล เลิศคณาวนิชกุล สำนักวิชาสหเวชศาสตร์และสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ เจลมีความคงตัวของสารออกฤทธิ์นานกว่าผลิตภัณฑ์อื่น ผ่านกระบวนการทดสอบแล้วยืนยันได้ถึงประสิทธิภาพและความปลอดภัย ไม่ก่อให้เกิดอาการแพ้บริเวณผิวหนัง
5. ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากข้าวที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำ โดย รศ. ดร.ศิริธร ศิริอมรพรรณ คณะเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มีความปลอดภัยและเหมาะกับผู้ป่วยเบาหวาน รวมถึงผู้รักสุขภาพ ต้องการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ควบคุมน้ำหนัก ฯลฯ
ด้าน ศ. ดร.วิภาวีกล่าวว่า จากการทดลองในหนูพบว่าเจลใสยับยั้งเอชไอวีชนิดทาที่ทำจากสารสกัดในเปลือกทับทิมสามารถช่วยลดจำนวนการเพิ่มขึ้นเชื้อเอชไอวีได้ ถือว่าเป็นการค้นพบครั้งแรกของโลก เพราะที่ผ่านมาในต่างประเทศใช้สารที่ทำมาจากยาต้านเอดส์ที่มีผลต่อเยื่อบุมดลูก ไม่ได้ใช้สมุนไพรแบบนี้ แต่สำหรับเจลใสหล่อลื่นนี้ใช้ได้กับกลุ่มเสี่ยงทั่วไป
ทั้งชายรักชาย พวกรักร่วมเพศที่ใช้ทวารหนัก และผู้หญิงที่ขายบริการทางเพศ รวมถึงบรรดาแม่บ้านที่มีสามีมีพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ ซึ่งใช่จะมีฤทธิ์ยับยั้งป้องกันการติดเชื้อเอชไอวีเท่านั้น แต่สรรพคุณของสารสกัดเปลือกทับทิมยังช่วยลดการอักเสบ และช่วยสมานแผลของเยื่อบุมดลูกได้อีกด้วย อย่างไรก็ตามผลงานวิจัยดังกล่าวทำในส่วนของการทดลองกับหนู คาดว่าภายในปีนี้จะขอทุนกับสกว.เพื่อทำวิจัยและทดสอบในกลุ่มผู้ติดเชื้อเอชไอวีต่อไป
