รอบ 50 ปี ! ‘มาโฮมส์’ นำ ‘ชีฟส์’ โกงตาย แซงชนะ ‘ไนเนอร์ส’ 31-20 ซิวแชมป์ซูเปอร์โบวล์ ครั้งที่ 54

Photo : Getty Images / AFP

“หัวหน้าเผ่า” แคนซัส ซิตี ชีฟส์ แชมป์จากฝั่งเอเอฟซี พลิกสถานการณ์ โกย 21 คะแนนรวดในควอเตอร์สุดท้าย แซงชนะ “คนตื่นทอง” ซานฟรานซิสโก โฟร์ตี้ไนเนอร์ส แชมป์จากฝั่ง เอ็นเอฟซี 31-20 ผงาดแชมป์ “ซูเปอร์โบวล์” เป็นครั้งแรกในรอบ 50 ปี ในศึกอเมริกันฟุตบอล เอ็นเอฟแอล เกมนัดชิงชนะเลิศ ซูเปอร์โบวล์ ครั้งที่ 54 ที่ฮาร์ดร็อค สเตเดียม เมืองไมอามี รัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา คืนวันที่ 2 กุมภาพันธ์ตามเวลาท้องถิ่น หรือเมื่อช่วงสายของวันที่ 3 กุมภาพันธ์ตามเวลาประเทศไทย

ก่อนหน้านี้ ทั้งสองทีมต่างห่างหายจากความสำเร็จในลีกมาเป็นเวลานานทั้งคู่ ฝั่งโฟร์ตี้ไนเนอร์ส อดีตมหาอำนาจได้แชมป์ครั้งสุดท้ายในปี 1994 หรือ 25 ปีมาแล้ว ส่วนชีฟส์ เป็นแชมป์หนสุดท้ายต้องย้อนไปถึง 1969 หรือ 50 ปีก่อนตั้งแต่สมัยยังเป็นเอเอฟแอล ลีก

เริ่มเกมมาเป็น ไนเนอร์ส ขึ้นนำก่อน 3-0 จากการเตะฟิลด์โกลระยะ 38 หลา ต่อมาชีฟส์เก็บแต้มแซงเป็น 10-3 จากการวิ่งทำทัชดาวน์ของแพทริก มาโฮมส์ ควอเตอร์แบ๊กคนเก่ง ตามด้วยการเตะฟิลด์โกลระยะ 31 หลา จากนั้นจิมมี่ การ็อปโปโล่ ขว้างทัชดาวน์ระยะ 15 หลาให้ไคล์ จูสซ์ซีค ช่วยให้ไนเนอร์สตีเสมอ 10-10 ในควอเตอร์ที่ 2

โดยอีกหนึ่งไฮไลต์น่าสนใจในซูเปอร์โบว์ลครั้งนี้ คือโชว์ช่วงพักครึ่ง ซึ่งเป็นการผนึกกำลังกันของสองสาวเท้าไฟสะโพกดินระเบิด ชากีรา และ เจนนิเฟอร์ โลเปซ ที่โชว์เสียงร้องและการเต้นสุดพลิ้วสร้างสีสีนในการแข่งขันได้เป็นอย่างดี

Advertisement

เมื่อเข้าควอเตอร์ที่ 3 ไนเนอร์ส เก็บเพิ่มอีก 10 แต้ม ขยับหนีห่างเป็น 20-10 จากการเตะฟิลด์โกลระยะ 42 หลา และได้ราฮีม มอสเทิร์ต วิ่งทำทัชดาวน์ ระยะ 1 หลา ในขณะที่มาโฮมส์ ควอเตอร์แบ๊กของชีฟส์ถูกเกมรับของไนเนอร์สรุมกดดันจนขว้างไม่ออก และเสียอินเตอร์เซ็ปต์ 2 ครั้งต่อเนื่องในควอเตอร์ 3 กับต้นควอเตอร์ 4

จุดเปลี่ยนของเกมนี้ในควอเตอร์สุดท้าย คือจังหวะที่แพทริก มาโฮมส์ ควอเตอร์แบ๊กมือทองของชีฟส์ ขว้างไกล 44 หลาเปลี่ยนเกมให้ทีมขึ้นมากดดัน ก่อนขว้างระยะ 15 หลา ให้ทราวิช เคลชี่ ในเอ็นด์โซนไล่มาเป็น 17-20 จากนั้น มาโฮล์ม ขว้างให้ เดเมียน วิลเลี่ยมส์ เข้าไปยื่นบอลข้ามเส้นแบบเส้นยาแดงผ่าแปด ชนิดต้องใช้ภาพช้าช่วยตัดสิน ส่งผลให้ชีฟส์แซงนำ 24-20 ในช่วง 3 นาทีสุดท้ายของการแข่งขัน

เวลาที่เหลือไนเนอร์ส ซึ่งกดดันอย่างหนักไม่สามารถทำอะไรได้ แถมยังพลาดเสียเทิร์นโอเวอร์ ทำให้ชีฟส์ได้โอกาสบุก และเป็นเดเมียน วิลเลี่ยมส์ วิ่งฉีกเข้าทัชดาวน์ปิดเกมให้ ชีฟส์เอาชนะไป 31-20 คว้าแชมป์ ซูเปอร์โบวล์ ครั้งแรกในรอบ 50 ปีได้สำเร็จ หากนับตั้งแต่สมัยที่ เนชั่นแนล ฟุตบอล ลีก (เอ็นเอฟแอล) กับ อเมริกัน ฟุตบอล ลีก (เอเอฟแอล) ยังไม่รวมลีกกัน

ทั้งนี้ แพทริก มาโฮมส์ มือขว้างของชีฟส์คว้าตำแหน่ง เอ็มวีพี รอบชิงฯ และเป็นเอ็มวีพีที่อายุน้อยที่สุดในวัย 24 ปี ด้วยผลงานการขว้าง 286 หลาเป็น 2 ทัชดาวน์ และวิ่ง 29 หลาทำเองอีก 1 ทัชดาวน์ โดยผลงานในครั้งนี้ทำให้ ชีฟส์ ชนะเกม ซูเปอร์โบวล์ ได้ 2 จากการเข้าชิง 3 ครั้ง หากนับรวมสมัยที่ยังไม่รวมลีก และยังถือเป็นแชมป์ซูเปอร์โบลว์หนแรกในตำแหน่งเฮดโค้ชของ แอนดี้ รีด เฮดโค้ชวัย 61 ปีของชีฟส์ ด้วย

แพทริก มาโฮล์มส์ – Photo : Reuters – Mandatory Credit: Robert Deutsch-USA TODAY Sports

มาโฮมส์ กล่าวถึงการที่ชีฟส์สามารถโกงตายแซงกลับมาคว้าแชมป์ในครั้งนี้ว่า มาจากการที่ทุกคนในทีมไม่สูญเสียความเชื่อมั่น ในทีมไม่มีใครก้มหน้ายอมรับความพ่ายแพ้ในระหว่างเกม กระทั่งสามารถรวมพลังกันค้นหาเส้นทางมุ่งสู่ชัยชนะสำเร็จ

เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่

เพิ่มเพื่อน

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image