คณะรณรงค์เพื่อเสรีภาพประชาชน ม.เกษตรฯ ออกแถลงการณ์ หนุนการแสดงออกทางการเมือง

คณะรณรงค์เพื่อเสรีภาพประชาชน ม.เกษตรฯ ออกแถลงการณ์ หนุนการแสดงออกทางการเมือง ยื่น 3 ข้อเสนอถึงผู้มีอำนาจ

เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ บริเวณหอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (ประตูพหลโยธิน) กลุ่มนิสิต ม.เกษตรศาสตร์ จัดกิจกรรม “มอกะเสดไม่ใช่ขนมหวานราดกะทิ” เพื่อส่งเสริมประชาธิปไตย สนับสนุนสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการแสดงออกทางการเมือง และสร้างความตระหนักรู้ในเรื่องสิทธิเสรีภาพให้กับสังคม โดยมีนิสิต นักศึกษา ประชาชนทั่วไปทยอยเข้าร่วมตั้งแต่เวลา 17.00 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณจัดงานมีการตั้งโต๊ะลงทะเบียนแจกเสื้อซึ่งมีข้อความ “เห็นหัวกูบ้าง” พร้อมแจกเอกสารซึ่งเป็นเนื้อเพลงมาร์ชเกษตรศาสตร์ และเพลงทุ่งฝันวันใหม่ ประกอบการทำกิจกรรม นอกจากนี้ยังมีการชูป้ายผ้าข้อความ #KUไม่ใช่ขนมหวานราดกะทิ พร้อมนำป้ายผ้าให้ผู้สนใจร่วมเขียนแสดงความคิดเห็น ซึ่งได้รับความสนใจอย่างมาก โดยป้าผ้าดังกล่าวจะมอบให้แก่พิพิธภัณฑ์สามัญชนในภายหลัง

จากนั้นในเวลา 17.30 น. มีตัวแทนศิษย์เก่าและปัจจุบัน ม.เกษตรศาสตร์ สลับกันกล่าวปราศรัยถึงการทำงานของผู้บริหาร ม.เกษตรฯ และการทำงานของรัฐบาลที่ไม่เป็นธรรม

Advertisement

โดยเวลาประมาณ 18.40 น. นิสิตปัจจุบัน ม.เกษตรฯ ได้อ่านแถลงการณ์คณะรณรงค์เพื่อเสรีภาพประชาชน
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (บางเขน) รายละเอียด ดังนี้

ระยะเวลากว่า 5 ปี ในยุคสมัยอันมืดมิดภายใต้การปกครองของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เกิดการคุกคามปิดปาก ปิดกั้นเสรีภาพของประชาชน การแสดงออกทางการเมือง ไม่เว้นแม้แต่การแสดงความคิดเห็นถูกบิดเบือนให้เป็นเรื่องที่ผิดบาป ทั้งที่ความแตกต่างหลากหลายนั้นเป็นพื้นฐานของมนุษย์ทุกคน นอกจากนี้ความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นล้วนมีที่มาจากคณะรัฐประหารที่ไม่เห็นหัวประชาชน ออกกฎหมาย ประกาศ คำสั่ง ปิดปากห้ามการแสดงออก และแต่งตั้งพวกพ้องขึ้นดำรงตำแหน่งมีอำนาจเหนือประชาชน ทั้งองค์กรอิสระ เช่น คณะกรรมการการเลือกตั้ง คณะกรรมการปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สิ่งเหล่านี้เป็นมรดกบาปที่ตกค้างอยู่ในสังคมไทย และยังคงอยู่แม้ว่าการเลือกตั้งจะผ่านพ้นไปแล้ว นอกจากนี้ยังมีรัฐธรรมนูญที่ผ่านประชามติมาในสถานการณ์ที่คนคิดต่างจาก คสช.โดนปิดปาก จับกุมคุมขัง ไม่สามารถรณรงค์หรือแสดงความเห็นแย้งได้ ยิ่งแสดงถึงความไม่ชอบธรรม ยังไม่นับรวมถึงเนื้อหาของรัฐธรรมนูญที่เอื้อประโยชน์ต่อ คสช.เป็นสำคัญอีกด้วย

แถลงการณ์ระบุต่อว่า ในสถานศึกษาเองนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในมหาวิทยาลัย ซึ่งหากจะพูดให้เฉพาะเจาะจงมากกว่านี้คือมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ควรเป็นพื้นที่สำหรับการตั้งคำถามเพื่อหาคำตอบ เพราะการเรียนรู้ และความรู้นั้นย่อมเกิดขึ้นได้จากการตั้งคำถาม และการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอันหลากหลาย การปิดกั้นการแสดงออก และความคิดเห็นจึงยิ่งกดทับ สร้างความไม่เท่าเทียม นำมาสู่ความแตกแยกที่ร้าวลึกให้กับคนในสังคม อีกทั้งมหาวิทยาลัยเป็นองค์กรที่รับภาษีประชาชนมาใช้ ยิ่งต้องตระหนักในความสำคัญของประชาชน และควรอุทิศตนเพื่อสังคม ตอบแทนบุญคุณของภาษีนั้น ดังคำที่กล่าวว่า “ประชาชนคือเจ้าของประเทศ เกษตรศาสตร์คือภาษีประชาชน”

Advertisement

“แม้การเลือกตั้งจะผ่านพ้นไปแล้วในวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ.2562 ประชาธิปไตยไทยหาได้มีความมั่นคงขึ้นมาไม่ เพราะความเหลื่อมล้ำ ไม่เป็นธรรมตามที่กล่าวมานั้นได้ทวีคูณขึ้นมาอย่างเด่นชัด มีการยุบพรรคการเมืองลงถึง 2 พรรคภายในระยะเวลาไม่ถึงหนึ่งปีเต็ม ในขณะที่ฝ่ายสืบทอดอำนาจของ คสช.แทบจะไม่ถูกดำเนินคดี สร้างความเคลือบแคลงใจให้กับสังคมเป็นอย่างมาก ในขณะที่ภาคประชาชนก็ถูกลดทอนศักดิ์ศรี มีการจับกุมประชาชนที่แสดงความคิดเห็นขัดแย้งกับผู้มีอำนาจ ไม่มีสิทธิ์ ไม่มีเสียง ถูกกระทำประหนึ่งว่าไม่ใช่มนุษย์ สร้างความเจ็บปวดทั้งร่างกาย และจิตใจ ภายใต้ความรุนแรงเชิงโครงสร้างนี้

“พวกเราในฐานะนิสิตผู้ตระหนักในบุญคุณจากภาษีประชาชน ขอสนับสนุนสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกทางการเมือง และเพื่อสร้างความตระหนักรู้ในเรื่องสิทธิเสรีภาพให้กับสังคม พวกเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์จะสนับสนุนแนวทางประชาธิปไตย และให้เสรีภาพแก่นิสิตเพื่อบำเพ็ญกิจกรรมทางสังคม เพื่อตอบแทนเงินภาษีที่ประชาชนได้ทำนุบำรุงการศึกษาแก่พวกเราทั้งหลาย โดยไม่ทำการปิดกั้นการแสดงออกอีกต่อไป โดยเราขอยื่นข้อเรียกร้องกับผู้มีอำนาจ ทั้งที่เอ่ยนามได้ และเอ่ยนามไม่ได้ดังนี้

1.ปัญหาที่เกิดขึ้นในทุกวันนี้ ส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากเนื้อหาในรัฐธรรมนูญ 2560 ที่ให้อำนาจองคาพยพของ คสช. มากกว่าประชาชน เราขอเรียกร้องให้มีการเปิดทางแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ขึ้นมาโดยประชาชนเต็ม 100% เพื่อดำเนินการร่างรัฐธรรมนูญผ่านการเปิดรับความคิดเห็นของประชาชน และนำมาลงประชามติโดยประชาชนอีกครั้ง

2.คืนความยุติธรรมให้กับประชาชนที่โดนข่มเหงคุกคาม ทั้งการจำกัดเสรีภาพ และการดำเนินคดี การใช้ความรุนแรงทำร้าย การกระทำที่อยุติธรรมทั้งหลายต้องได้รับการเยียวยา และยุติลงโดยเร็ว

และ 3.ลบล้างผลพวงการรัฐประหาร ยกเลิกประกาศ คำสั่ง กฎหมายของ คสช. ที่ละเมิดสิทธิ และอำนาจของประชาชนโดยเร็ว”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image