พาณิชย์อุทัยฯ คุมเข้มร้านค้าจำหน่าย ‘หน้ากากอนามัย’ จัดสรรอำเภอละ 1 แห่ง
จากสถานการณ์ของการเกิดโรคระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 จนทำให้หน้ากากอนามัยขาดตลาดเป็นอย่างมาก จนทำให้ทางส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ออกมาทำการควบคุมราคาจำหน่าย และบริหารจัดการกระจายส่งหน้ากากอนามัย ให้แต่ละจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนในทุกพื้นที่มีหน้ากากอนามัยไว้ใช้อย่างทั่วถึงและเพียงพอ โดยที่จังหวัดอุทัยธานีนั้น
โดย นายวีระพงษ์ สืบค้า พาณิชย์จังหวัดอุทัยธานี เรื่องของสถานการณ์ของการขาดแคลนหน้ากากอนามัยนั้น ในส่วนของจังหวัดอุทัยธานี การสำรวจของสำนักงานพาณิชย์จังหวัด ที่เราได้เริ่มสำรวจมาตั้งแต่วันที่ 30 มกราคม ที่ผ่านมา โดยได้มีการตรวจสอบอย่างต่อเนื่องทุกวัน ปรากฏว่าในจังหวัดอุทัยธานีนั้น มีความจำเป็นต้องใช้จริงๆ มีไม่มากนัก แต่สาเหตุส่วนใหญ่ที่ทำให้หน้ากากอนามัยในจังหวัดขาดแคลนนั้น เกิดจากที่พี่น้องประชาชนส่วนหนึ่งที่มีลูกหลานอยู่ต่างจังหวัด หรือเมืองที่มีความต้องการมากๆ โดยเฉพาะเมืองที่มีโรคระบาดเช่น กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ภูเก็ต จึงทำให้มาการซื้อส่งไปให้ญาติพี่น้องที่อยู่ต่างจังหวัดกันจำนวนมาก จึงทำให้เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้จังหวัดอุทัยธานีนั้น ขาดแคลนหน้ากากอนามัย
ส่วนของการบริหารจัดการของการจำหน่ายหน้ากากอนามัย ทางกระทรวงพาณิชย์โดยกรมการค้าภายใน มีการออกประกาศให้เป็นสินค้าควบคุม และจัดให้มีระบบบริหารจัดการปันส่วน โดยให้โรงงานที่ผลิตสินค้าประเภทนี้ ทำการจำหน่ายให้ศูนย์บริหารจัดการ 50% ของสินค้าที่ผลิตได้ จากนั้นจะเข้าสู่ระบบของการบริหารจัดการให้กับทางโรงพยาบาลของรัฐ เพื่อให้เจ้าหน้าที่มีใช้อย่างพอเพียง พร้อมกับจำหน่ายให้ทางการบินไทย โดยส่วนที่เหลือนั้น จะนำเข้ามาบริหารจัดการจำหน่ายผ่านร้านธงฟ้าพัฒนาท้องถิ่น
ซึ่งในส่วนของเครือข่ายของกระทรวงพาณิชย์จังหวัดอุทัยธานี มีร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการธงฟ้าของเรามีทั้งหมด 500 กว่าร้านค้า แต่ที่เราจะนำมาให้จำหน่ายนั้นจะให้เป็นเฉพาะในส่วนที่เป็นชุมชนในเมืองเป็นหลัก และทำการหมุนเวียนไปยังร้านที่เข้าร่วมโครงการ จุดละ 1 แห่ง ทั้ง 8 อำเภอของจังหวัด ซึ่งในครั้งนี้ ได้มีการจัดส่งหน้ากากอนามัยเข้ามาจำหน่ายที่จังหวัดอุทัยธานี จำนวน 14,000 ชิ้น และจะจัดส่งเข้ามาสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
ซึ่งทางโรงงานผลิตจะจัดส่งให้กรมการค้าภาย ก่อนทำการกระจายให้กับร้านธงฟ้า โดยราคาจำหน่ายเป็นราคาที่ทางส่วนกลางจัดส่งมาให้ทางร้านค้าในราคาชิ้นละ 2 บาท แล้วกำหนดให้ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการจำหน่ายชิ้นละ 2.50 บาท และไม่เกิน 10 ชิ้นต่อราย โดยบางร้านค้าจะจัดทำแบ่งจำหน่ายเป็นถุงๆ 4 ชิ้น ในราคา 10 บาท เพื่อเป็นการกระจายให้ประชาชนนั้นได้ใช้อย่างทั่วถึงมากขึ้น
และด้วยขณะนี้ หน้ากากอนามัย ถือเป็นสินค้าควบคุม หากร้านค้าใดที่มีการจำหน่ายในราคาที่สูงเกินสมควร และทำให้สินค้าราคาปั่นป่วน ถือเป็นการเอาเปรียบผู้บริโภค จะมีโทษตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ โทษจำคุก 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งพบว่ามีในหลายพื้นที่ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด ได้ดำเนินการในเรื่องนี้ไปแล้ว โดยในส่วนของจังหวัดอุทัยธานีนั้น จากการตรวจสอบยังไม่พบร้านค้าใดที่กระทำความผิดดังกล่าว นายวีระพงษ์ กล่าว