หนุนยก’อค.’นิติบุคคลขึ้นตรงศธ. ช่วยคล่องตัว-แข่งขันคู่ค้าได้ทันที

หนุนยก’อค.’นิติบุคคลขึ้นตรงศธ. ช่วยคล่องตัว-แข่งขันคู่ค้าได้ทันที
นายดิศกุล เกษมสวัสดิ์ เลขาธิการสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการองค์การค้า ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะอนุกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาศึกษากฎหมายเกี่ยวกับการศึกษา สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายสุรวาท ทองบุ เป็นประธาน เตรียมให้ กมธ.การศึกษา สภาผู้แทนราษฎร พิจารณากฎหมายเกี่ยวกับการศึกษา โดยในส่วนของร่าง พ.ร.บ.ระเบียบบริหารราชการกระทรวงศึกษาธิการ และร่าง พ.ร.บ.สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. … มีสาระสำคัญในส่วนที่เกี่ยวข้องกับองค์การค้าฯ โดยมีข้อเสนอให้โอนมาเป็นหน่วยงานในกำกับของ ศธ.โดยเรียกชื่อใหม่ว่าองค์การค้า ศธ.นั้น ส่วนตัวเห็นด้วย หากองค์การค้าฯ ยังอยู่ภายใต้การกำกับของ สกสค.จะเหมือนเตี้ยอุ้มค่อม พากันล่มจม
“ขณะนี้องค์การค้าฯ มีหนี้สินค่อนข้างมาก ต้องยืมเงินของ สกสค.ไปใช้ในการหมุนเวียน ขณะที่ สกสค.ก็มีหน้าที่ดูแลสวัสดิการเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา หากดึงเงินกันไปมา อาจทำให้ขาดสภาพคล่องทั้ง 2 ส่วน ดังนั้น จึงควรให้องค์การค้าฯ แยกตัวออกจาก สกสค.เพื่อความคล่องตัว” นายดิศกุล กล่าว
นายอรรถพล ตรึกตรอง เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน และอดีตปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สกสค.กล่าวว่า ส่วนตัวเห็นด้วย เพราะองค์การค้าฯ เป็นองค์กรที่ทำธุรกิจ ค้าขาย ควรมีสถานะเป็นนิติบุคคล ภายใต้การกำกับดูแลของ ศธ.เพื่อให้คล่องตัว ไม่ใช่เหมือนทุกวันนี้ ที่อยู่ภายในการกำกับดูแลของ สกสค.ซึ่งเป็นนิติบุคคลเหมือนกัน เวลายืมเงิน ก็หมุนอยู่ภายในนิติบุคคลเดียว บริหารจัดการยาก ไม่คล่องตัว อีกทั้ง หากต้องทำสัญญาเรื่องธุรกิจ ต้องใช้เวลาค่อนข้างนาน เพราะต้องได้รับอนุมัติจาก สกสค.ทั้งที่ความจริงแล้วองค์การค้าฯ ซึ่งทำเรื่องค้าขาย ควรมีอำนาจในการตัดสินใจได้เอง เพื่อให้เกิดความคล่องตัว และสามารถแข่งขันกับคู่ค้ารายอื่นได้อย่างทันท่วงที
“ส่วนเรื่องปัญหาการทุจริตนั้น เป็นเรื่องที่ต้องแก้ไข และว่ากันไปตามกฎหมาย ไม่เกี่ยวข้องกับสถานะขององค์การค้าฯ” นายอรรถพล กล่าว
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image