รื่นร่มรมเยศ : สมาธิช่วยให้งานมีประสิทธิภาพ : โดย เสฐียรพงษ์​ วรรณปก

รื่นร่มรมเยศ : สมาธิช่วยให้งานมีประสิทธิภาพ : โดย เสฐียรพงษ์​ วรรณปก

รื่นร่มรมเยศ : สมาธิช่วยให้งานมีประสิทธิภาพ : โดย เสฐียรพงษ์​ วรรณปก

ท่านคงเคยเห็นภาพอย่างนี้มาบ้าง

บางคนเดินเข้าไปในคอฟฟี่ช็อป สางสัมภาระที่หอบติดมือมามากมายบนโต๊ะ ด้วยอาการของคนที่มี “ธุระ” มากมาย สั่งอาหารมากิน กินอาหารไปพลางคลี่หนังสือพิมพ์ที่นำติดตัวมาด้วย ออกอ่านไปพลาง อีกมือหนึ่งกดโทรศัพท์มือถือพูดกับใครบางคน

ท่านก็อาจประทับใจว่าเขาคนนี้ช่างเก่งเหลือเกิน สามารถทำงานตั้งสามอย่างในเวลาเดียวกัน กินอาหารไปด้วย แล้วก็อ่านหนังสือพิมพ์ไปด้วย พูดคุยสั่งธุระด้วยโทรศัพท์มือถือไปด้วย

Advertisement

แต่โปรดทราบว่า เขาคนนั้นกำลังทำลายสมรรถนะทางจิตของเขาโดยไม่รู้สึกตัว อาการที่ปรากฏออกมานับเป็นอาการของคนฟุ้งซ่าน ไม่มีสมาธิ เพราะเขาพยายามทำสามสิ่งในขณะเดียวกัน

ดูจากภายนอก เขาทำได้ทั้งสามอย่างก็จริง แต่เขาทำไม่ได้ดีแม้แต่อย่างเดียว

ใครทำอย่างนี้บ่อยๆ ก็จะติดเป็นนิสัย เป็นคนลุกลน มีบุคลิกภาพไม่หนักแน่นมั่นคง ที่สำคัญก็คือ เป็น “การทำลายสมรรถนะของจิต” ลงตามลำดับ

Advertisement

ธรรมชาติของจิตนั้น ย่อมสามารถคิดเรื่องเดียวเท่านั้นในขณะเดียว เพราะฉะนั้น “การทำสิ่งเดียวเรื่องเดียวในขณะเดียว” จึงเป็นเคล็ดลับในการฝึกจิตใจให้เข้มแข็ง

ขณะล้างชาม เราก็ตั้งจิตจดจ่อ ใส่ใจอยู่แต่กับกิจกรรมการล้างชาม มีสติสัมปชัญญะรู้ตัวทั่วพร้อมอยู่กับการล้างชาม ไม่ส่งใจคิดฟุ้งไปถึงเรื่องอื่น ไม่ว่าอดีตหรืออนาคต ฝึกทำอย่างนี้บ่อยๆ เราจะประหลาดใจว่าเราล้างชามได้ดี และมีความสุขในการล้างชาม

ไม่ใช่ยืนมือถือจานแล้วจิตใจล่องลอยไปที่อื่น ตาก็เหม่อลอยไร้จุดหมาย บางคนล้างชามไปใจคิดถึงคำนัดหมายกับเพื่อน จะไปดูหนัง ภาพหนังละคร ภาพเพื่อนๆ มาปรากฏในมโนภาพขณะที่มือถือจานอยู่ รีบล้างลวกๆ บางทีทำชามหล่นแตกก็มี

ถึงเขาจะล้างชามสำเร็จไม่ทำชามแตก เขาก็นับว่าได้ ทำลายŽ สมรรถนะของจิตด้วยวิธีการล้างชามแบบฟุ้งซ่านเช่นนั้นโดยไม่รู้ตัว เพราะในขณะที่ล้างชามอยู่นั้นได้ส่งกระแสความคิดไปยังเรื่องราวต่างๆ มากมาย พูดให้เข้าใจก็คือคิดฟุ้งไปหลายเรื่องนั่นเอง

ทำลายอย่างไร? อธิบายให้เห็นภาพยาก เพราะจิตเป็นนามธรรม เวลามันถูกทำลายให้อ่อนแอหรือถูกเสริมให้แข็งแกร่ง เราก็มองมันไม่ค่อยออก ขอยกตัวอย่างเปรียบให้เห็น เช่น กระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวสายหนึ่ง ไหลมาถึงระยะหนึ่งแล้วก็ไหลแยกออกไปอีกทาง ถ้าถามว่ากระแสน้ำนั้นอ่อนกำลังหรือไม่ แน่นอน ทุกคนย่อมเห็นว่ามันอ่อนกำลังลง สาเหตุก็เพราะสายน้ำนั้นมันถูกแยกออกเป็นสายเล็กสายน้อยถึงห้าสาย

กระแสความคิดของคนก็เช่นกัน ถ้าปล่อยให้คิดโน่นคิดนี่ร้อยแปดพันอย่าง พลังมันก็ย่อมอ่อน จะทำการทำงานอะไรในขณะนั้นก็สำเร็จยาก หรือสำเร็จก็สำเร็จด้วยดียาก เพราะฉะนั้น จึงแนะให้คิดสิ่งเดียวในขณะเดียว ทำสิ่งเดียวในขณะเดียว

การฝึกคิด ฝึกทำอย่างนี้ ท่านเรียกว่าฝึกสมาธิครับ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image