วันนี้ (27 ก.ค.) นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน ได้โพสต์ความเห็นลงเฟซบุ๊ก “Veera Somkwamkid” กรณีการครบรอบ 15 ปี การก่อตั้งเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.) ระบุว่า
วันนี้ 27 ก.ค.2559 เป็นวันครบรอบ 15 ปี ในการก่อตั้ง เครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (คปต.) โดยมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 27 ก.ค.2544 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติไบเทค บางนา ประธานในพิธีคือนายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เหตุผลที่นายทักษิณต้องสนับสนุนในการก่อตั้ง คปต. เนื่องมาจากพรรคไทยรักไทย มีนโยบายสำคัญ ที่ใช้หาเสียงจนได้รับชัยชนะ จำนวน 3 นโยบาย คือ 1.นโยบายการแก้ปัญหาความยากจน 2.นโยบายการแก้ปัญหายาเสพติด3.นโยบายการแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน
ดังนั้น เมื่อเข้ามาเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ นายทักษิณจึงเลี่ยงไม่ได้ ที่จะต้องให้การสนับสนุนภาคประชาชน ในการจัดตั้งเป็นองค์กรเครือข่ายต้านคอร์รัปชันขึ้นมา เพื่อส่งผลต่อนโยบายแก้ปัญหาคอร์รัปชัน ในขณะเดียวกันก็จะช่วยสร้างภาพว่า รัฐบาลทักษิณสนับสนุนส่งเสริม ให้ภาคประชาชน ให้เข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐ (เหมือนกรณีที่รัฐบาลคสช.กำลังทำอยู่ในขณะนี้ โดยให้การสนับสนุนองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน ที่มีนายประมนต์ สุธีวงศ์ เป็นประธาน องค์กรนี้เกิดขึ้นในช่วงที่นายวีระ สมความคิด ถูกพวกโกงชาติและพวกขายชาติรวมหัวกันส่งไปให้ฮุนเซนจับขังคุกเป็นเวลา 3 ปี 6 เดือน) ในวันเปิดตัวการก่อตั้ง คปต. นายทักษิณ ชินวัตร ได้กล่าวปราศรัยไว้อย่างน่าฟังว่า “ถึงเวลาที่เราต้องประกาศสงครามกับคอร์รัปชัน ความยากจน และยาเสพติด การประกาศสงครามก็คือว่า การต้องเรียกหาอาสาสมัคร เพื่อจัดกำลังคนออกสู้รบ เพราะฉะนั้นการประกาศสงครามกับเชื้อโรค 3 ตัว แล้วถือว่าเป็นศัตรูของชาติ ถือว่าเป็นศัตรูของลูกหลานเรา ถ้าวันนี้ใครไม่มาร่วมกันทำสงคราม ภาษานักรบ ภาษาสงครามของทหารเขาเรียกว่าเป็น พวกทรยศ”
อีกช่วงหนึ่งนายทักษิณได้กล่าวว่า “แล้ววันนี้คนที่บอกอาสามาเป็นรัฐบาล มาเป็นนายกรัฐมนตรี มาเป็นรัฐมนตรี มาเป็น ส.ส. มาเป็นวุฒิสมาชิก แล้วยังไม่มาร่วมทำสงครามอย่างนี้ ก็ยิ่งกว่าทรยศอีก”
เป็นอย่างไรครับ นี่เป็นคำพูดของนายทักษิณ ที่มีผู้เข้าร่วมงานในวันนั้น กว่าพันคนเป็นพยานได้ แต่แม่ทัพในการต่อสู้กับคอร์รัปชัน ก็ทรยศต่อชาติและประชาชนเสียเอง ปรากฏว่ารัฐบาลของนายทักษิณถูกกล่าวหาเรื่องคอร์รัปชันมากมาย ผู้ที่กล่าวหาและทำการยื่นเรื่องให้มีการตรวจสอบรัฐบาลของนายทักษิณมากที่สุด คือ นายวีระ สมความคิด เลขาธิการเครือข่ายประชาชนต้านคอร์รัปชัน (กรณีมีการยื่นเรื่องร้องเรียน มายัง คปต. ทาง คปต.จะทำการตรวจสอบว่าเรื่องร้องเรียนดังกล่าว มีข้อมูลถูกต้อง และมีมูลความจริงหรือไม่ เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ถูกกล่าวหา เมื่อมีข้อมูลและพยานหลักฐานเพียงพอ ก็จะทำคำร้องทุกข์ หรือ คำกล่าวหายื่นต่อหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่ตามกฏหมาย เพื่อให้ทำการ ตรวจสอบ และลงโทษต่อไป)
จะเห็นได้ว่าแม้นายทักษิณจะเป็นผู้สนับสนุนในการจัดตั้ง คปต. แต่นายทักษิณก็ไม่ได้รับสิทธิพิเศษใดๆ เมื่อนายทักษิณไปทำความผิด ไปทำทุจริตเสียเอง ก็ต้องถูก คปต.ตรวจสอบอย่างตรงไป ตรงมา ไม่มีการเห็นแก่หน้าใครทั้งสิ้น (คปต.ทำงานโดยยึดถือผลประโยชน์ของชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง ไม่ว่าใครจะมาขอ หรือมาข่มขู่ ก็ไม่สามารถมาหยุดยั้ง การทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาได้ ) จากการทำหน้าที่อย่างตรงไป ตรงมา ไม่เห็นแก่หน้าใครนั้น ทำให้ผมต้องถูกผู้ที่สนับสนุน(บริวาร)นายทักษิณโจมตี ให้ร้ายว่า ผมเนรคุณนายทักษิณ ทั้งที่นายทักษิณมีส่วนช่วยก่อตั้งหน่วยงาน คปต.ขึ้นมา นายวีระยังไม่ยกเว้นให้ กลับตรวจสอบนายทักษิณอย่างไม่เห็นแก่หน้า หลังจากเกาะติดและพยายามทำทุกวิถีทาง ผมก็สามารถนำคดีเข้าสู่ศาลได้สำเร็จ ก่อนมีคำพิพากษานายทักษิณได้ชิงหลบหนีออกนอกประเทศ และไม่กลับมาอีกเลยจนบัดนี้ ในที่สุดศาลฏีกาฯตัดสินให้จำคุกนายทักษิณเป็นเวลา 2 ปี
อยากทำความเข้าใจกับทุกท่าน ผมหรือหน่วยงาน คปต.นี้ เรามีเจตนารมณ์ที่จะเข้ามาช่วยราชการต้านภัยคอร์รัปชัน ดังนั้น การทำหน้าที่ของเรา จึงไม่ต้องไปเกรงใจคนชั่ว คนเลว คนโกง คนขายชาติ การที่นายกรัฐมนตรีปฏิบัติหน้าที่ตามอำนาจหน้าที่ที่มี ให้การสนับสนุนช่วยเหลือภาคประชาชนที่เขาออกมาช่วยชาติ
แล้วจะมาอ้างเพื่อทวงบุญคุณกับภาคประชาชนนั้น เพื่อให้หยุดตรวจสอบความผิดของพวกเขา จึงเป็นความชั่ว ความเลวมากขึ้นไปอีก
แม้ในปัจจุบันนี้ก็เช่นกัน ที่ผมและองค์กร คปต.กำลังตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐที่มิชอบ และตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชันของรัฐบาล คสช. ผมก็ถูกพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และผู้ที่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ด่าว่า กล่าวหาผมเป็นคนเนรคุณ พล.อ.ประยุทธอ้างว่าเป็นผู้ช่วยผมออกมาจากคุกกัมพูชา ก็อยากถามว่าถ้าการที่พล.อ.ประยุทธในฐานะหัวหน้า คสช.เป็นผู้ใช้อำนาจรัฐฐาธิปัตย์ ทำหน้าที่ของผู้บริหารประเทศในขณะนั้น ทำการช่วยเหลือคนไทยที่ไม่ได้ทำความผิดใดๆ แล้วต้องไปติดคุกอย่างอยุติธรรม ในต่างประเทศ การทำตามอำนาจหน้าที่ที่มี ของพล.อ.ประยุทธ์ นายวีระ สมความคิด ต้องตกเป็นหนี้บุญคุณด้วยหรือ? ถ้าการทำตามหน้าที่ ที่เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องกระทำ เพื่อรักษาผลประโยชน์ให้ชาติและประชาชน แต่พล.อ.ประยุทธ์กลับถือเอาเป็นบุญคุณกับประชาชนอย่างผม
อย่างนั้นถ้าผมจะอ้างบุญคุณกับคุณประยุทธ์บ้างได้ไหม? จากกรณีที่ผมทำหน้าที่พลเมือง ช่วยปกป้องรักษาผลประโยชน์ ให้กับชาติและประชาชนตลอดมา โดยเฉพาะในการช่วยรักษาผลประโยชน์และอธิปไตยของชาติ ตามแนวชายแดน ทั้งๆที่หน้าที่นี้ มันควรเป็นหน้าที่โดยตรงของพล.อ.ประยุทธ์ (ผู้บัญชาการทหารบก)ในขณะนั้น
การที่ผมต้องถูกจำคุกในเรือนจำของกัมพูชา อย่างอยุติธรรม โดยที่ไม่ได้กระทำความผิดตามกฏหมายของกัมพูชาแต่อย่างใด เพราะผมยังอยู่ในเขตแผ่นดินไทย หลังจากต้องถูกจองจำเป็นเวลา 3 ปี 6 เดือน จึงได้รับการอภัยโทษจากกษัตริย์กัมพูชา ฮุนเซนปล่อยตัวออกจากคุก ก่อนครบกำหนดเวลา(8 ปี) ผมต้องเป็นหนี้บุญคุณใครหรือ? อย่ามาทวงบุญคุณกับผม คนที่เกลียดและกลัวผม จะมีแต่คนชั่ว คนเลว คนโกง คนขายชาติ คนที่เสียประโยชน์จากการทำหน้าที่ของผมเท่านั้น ผู้ใดที่ไม่ทุจริต ไม่คดโกงชาติ ไม่ขายชาติ เขาจะไม่เดือดร้อน ไม่เสียหายจากการทำหน้าที่ของผม สำหรับการครบรอบ 15 ปี ของการก่อตั้งองค์กร คปต. ผมและสมาชิกของ คปต.ที่ยังร่วมกันทำงานช่วยราชการต้านภัยคอร์รัปชัน พวกเราขอยืนยันว่าจะทำหน้าที่ ภาคประชาชนในการช่วยปกป้อง และรักษาผลประโยชน์ของชาติ อย่างเต็มที่ต่อไป