‘กลุ่มนวชีวิน’ ประท้วงรัฐบาล ปักหลักอดข้าวหน้าทำเนียบ จี้ แก้ปัญหาปากท้อง

‘กลุ่มนวชีวิน’ ปักหลักอดข้าวหน้าทำเนียบ บี้รัฐบาลแก้ปัญหาปากท้อง บอก ‘ประยุทธ์’ หาก ‘ถ้าทำไม่ได้ ก็ออกไปซะ’  ด้าน ‘แรมโบ้’ ออกโรงเจรจา ‘ม็อบอดข้าว’ ใจอ่อน ย้ายจุดประท้วงจากฝั่งทำเนียบ

เมื่อเวลา 13.00 น.วันที่ 20 กรกฎาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล ตัวแทนแนวร่วมนวชีวิน New Life Network นำโดย นายภูมิวัฒน์ แดงกสิวิทย์ และ น.ส.ศิรัญญา ทองเชื้อ เดินทางมารวมตัวเพื่อทำกิจกรรมอดข้าวประท้วงการบริหารงานของรัฐบาล พร้อมอ่านแถลงการณ์เรียกร้องรัฐบาลให้แก้ไขปัญหา ซึ่งเดิมนัดปักหลักนั่งอดข้าวบริเวณประตู 3 ทำเนียบรัฐบาล ถนนพิษณุโลก แต่เนื่องจากเกิดฝนตกฟ้าคะนองจึงหลบในบริเวณป้ายรถประจำทางฝั่งตรงข้ามชั่วคราว ท่ามกลางกำลังตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบสังเกตการณ์ โดยมี นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข นักเคลื่อนไหวทางการเมืองเดินทางมาให้กำลังใจ

นายภูมิวัฒน์อ่านแถลงการณ์ว่า ที่พวกเรามาอดข้าวเพราะพวกเรากำลังจะอดตาย นับตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม และคณะเข้ามารัฐประหาร สถานการณ์ปากท้องและสภาวะทางเศรษฐกิจของประเทศไทยก็ตกต่ำลง ส่งผลให้เกิดภาพความเหลื่อมล้ำระหว่างคนจนกับคนรวย และภาพความเหลื่อมล้ำนี้ก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเมื่อคณะของ พล.อ.ประยุทธ์เข้ามาเป็นรัฐบาลซึ่งมาจากการเลือกตั้งที่น่ากังขา

จากสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำและประชาชนอดอยาก ทำให้พวกเราแนวร่วมนวชีวินและภาคประชาชนมารวมตัวกันเพื่อแสดงจุดยืนว่าเราไม่ยอมรับการบริหารประเทศของรัฐบาลชุดนี้ ที่ทำให้เศรษฐกิจย่ำแย่ ผู้คนตกงาน และปากท้องว่างเปล่า จึงขอยื่นข้อเสนอถึงรัฐบาลดังนี้ 1.รัฐบาลจะต้องแก้ไขปัญหาปากท้องและสวัสดิการที่ถดถอยของทุกคนทันที 2.ภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้องมีมาตรการรองรับและช่วยเหลือผู้ที่ตกงานในขณะนี้ ซึ่งมีเป็นจำนวนมากและจะมากขึ้นไปอีก และ 3.ให้มีการทบทวนและตรวจสอบนโยบายการบริหารของรัฐบาลชุดปัจจุบัน โดยให้ภาคประชาชนและฝ่ายต่อต้านรัฐบาลมีส่วนร่วมในการตรวจสอบครั้งนี้ หาก “ถ้าทำไม่ได้ ก็ออกไปซะ” พวกเราจะอดตายกันอยู่แล้ว อดตายเพราะมีรัฐบาลที่ไร้ประสิทธิภาพในการบริหารประเทศแบบพวกคุณ

นายภูมิวัฒน์กล่าวว่า ตนในฐานะประชาชนจะเป็นไม้แรกของกลุ่มนำอดข้าว และจะมีเพื่อนสลับเวรในช่วงกลางคืน และในช่วง 4 วันแรกจะกินข้าวและน้ำแค่ 1 มื้อ จากนั้นจะดื่มน้ำอย่างเดียว ภายใน 7 วัน หากร่างกายปรับตัวได้จะอดทั้งข้าวและน้ำต่อไป เราคิดว่ารัฐบาลคงไม่ตอบรับข้อเสนอของเรา เพราะที่ผ่านมาก็ปล่อยให้คนต้องอดตายและหิวโซ แต่เราต้องการแสดงออกให้พวกเขาเห็นว่าเราคือคนที่กำลังจะอดตาย คนที่หิว คนที่ตกงาน และคนที่ไม่มีทางไป มาอยู่กันที่นี่จริงๆ เพื่อถามว่ารัฐบาลจะแก้อย่างไร และคาดเดาคำตอบไว้แล้วว่ารัฐบาลจะตอบว่ากำลังดำเนินการอยู่ แต่สิ่งที่ทำไม่เคยตกมาถึงประชาชนเสียที

Advertisement

ผู้สื่อข่าวถามกรณีที่รองโฆษกกองทัพบกระบุว่า หากไม่งอมืองอเท้าจะไม่อดตาย การวิจารณ์ดังกล่าวสะท้อนถึงอะไร นายภูมิวัฒน์กล่าวว่า คนในกองทัพบกที่ควรยึดโยงกับประชาชนมากที่สุด กลับมองไม่เห็นปัญหาประชาชน ที่ทุกวันนี้ยากลำบากข้นแค้นมากเพียงใด คำพูดดังกล่าวดูถูกประชาชน และแปลว่าไม่เข้าใจปัญหาของเราต่อให้เราทำงานบากบั่นมากแค่ไหนก็ไม่มีโอกาสเติบโต และโอกาสยิ่งน้อยเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์บริหารประเทศ

ด้าน น.ส.ศิรัญญากล่าวว่า การพูดของรองโฆษกหญิงคนดังกล่าวนั้นมองประชาชนว่าโง่ หากเรามีโอกาสก็ทำงานได้ แต่ตอนนี้ไม่มีแม้แต่โอกาส และขอย้อนถามว่าทำงานเพื่อใคร และเพื่อประชาชนจริงหรือไม่

Advertisement

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า สำหรับการปักหลักอดอาหารประท้วงในครั้งนี้ นายภูมิวัฒน์ได้เตรียมกระเป๋าสัมภาระมา 2 ใบ ภายในประกอบด้วยอุปกรณ์ของใช้ส่วนตัว เช่น อุปกรณ์อาบน้ำ และกะละมังซักเสื้อผ้าใบเล็ก นอกจากนี้ยังมีโน้ตบุ๊ก กระดาษโน้ต และหนังสืออ่านเล่น

ต่อมาเวลา 14.10 น. นายภูมิวัฒน์ แรงกสิวิทย์ ได้ข้ามฝั่งมาที่ประตู 3 ของทำเนียบรัฐบาล โดยนั่งปักหลักพร้อมสัมภาระ เตรียมอดข้าวและนอนค้างคืน

ระหว่างนั้น พ.ต.อ.วิวัฒนชัย บุญญานุพงศ์ ผู้กำกับ สน.ดุสิต ได้เข้ามาเจรจากับนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่เดินทางมาให้กำลังใจนายภูมิวัฒน์ เพื่อขอให้ย้ายจุดการประท้วงออกจากพื้นที่ฝั่งทำเนียบรัฐบาล เพื่อไม่ให้ผิดกฎหมาย

กระทั่งเวลา 15.00 น. นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเดินทางมาเจรจา ด้วยตัวเอง ซึ่งผู้ชุมนุมก็ยอมย้ายออกไปแต่โดยดี และไม่เกิดเหตุวุ่นวาย

จากนั้นเวลา 16.45 น. กลุ่มแนวร่วมนวชีวิน ยุติการเจรจาหารือ โดยทางกลุ่มฯ พอใจในการเจรจาหารือและได้ย้ายการทำกิจกรรมอดอาหารประท้วงรัฐบาล จากพื้นที่ฝั่งทำเนียบรัฐบาล มาทำกิจกรรมอดอาหารและนอนพักค้างแรมเป็นเวลา 1 คืน ตรงบริเวณถนนพระราม 5 ฟุตบาทฝั่งตรงข้ามศาลกรมหลวงชุมพรฯ ข้างทำเนียบรัฐบาล หลังจากนั้นจะย้ายการทำกิจกรรมในวัน 21 กรกฎาคมไปยังฝั่งศูนย์รับเรื่องราวร้องเรียนรัฐบาล ฝั่งกพ. และ ยื่นหนังสือข้อเรียกร้องของทางกลุ่มฯ ต่อนายกฯ ต่อไป

 

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image