“วิโรจน์” ย้อนถาม “ผบ.ทบ.” รัฐประหารปี’57 ท่านเป็นกลไกส่วนหนึ่งใน ‘ทฤษฎีสมคบคิด’ หรือไม่?
เมื่อวันที่ 25 ก.ค. กรณี พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ที่แสดงความเห็นต่อกรณีการชุมนุมกลุ่มเยาวชนปลดแอก เริ่มต้นที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ล่าสุดลุกลามขยายแล้วทั่วประเทศ โดยได้ถามผู้ชุมนุม ไปดูว่า ตนเองกลายเป็นกลไกหนึ่งใน ”ทฤษฎีสมคบคิด” หรือไม่ โดยไม่ได้กล่าวว่ามีนักการเมืองอยู่เบื้องหลังหรือไม่ ระบุ ตนเองเป็น ผบ.ทบ.พูดอะไรมากกว่านี้ไม่ได้
ด้านนายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก้าวไกลและ ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค โพสต์ข้อความทางทวิตเตอร์ตั้งคำถามว่า “ผมก็อยากเรียนถาม ผบ.ทบ. เช่นกันครับว่า การทำรัฐประหารในปี’57 พล.อ.อภิรัชต์ ในขณะนั้นได้เป็นกลไกในทฤษฎีสมคบคิด เพื่อยึดอำนาจจากรัฐบาลประชาธิปไตยหรือ”
วันเดียวกัน นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ไลฟ์สดจากจังหวัดพิษณุโลก จัดรายการ “ก้าวหน้า Talk : คุณถาม เราตอบ” เป็นตอนที่สอง ชวนคุยกับประชาชนทางบ้านในประเด็นทางการเมืองและสังคมหลายกรณีโดยช่วงหนึ่งมีประชาชนถามถึงกรณีผู้บัญชาการทหารบกออกมาให้ความเห็นเรื่องม็อบเยาวชนปลดแอก ระบุว่า “จริงๆ ต้องพูดอย่างนี้ ในประเทศที่มีประชาธิปไตยเข้มแข็ง ผู้นำกองทัพไม่มีอำนาจ ไม่มีสิทธิ ที่จะมาให้ความเห็นทางการเมือง ผู้นำกองทัพไม่ว่าจะเป็นอเมริกา ในยุโรป หรือในญี่ปุ่น ออกมาให้ความคิดเห็นทางการเมืองไม่ได้ แต่เพราะในปัจจุบัน กองทัพไม่ได้อยู่ใต้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง กองทัพมีสถานะพิเศษในการเมืองไทย ที่ไม่ยึดโยงกับประชาชน จึงทำให้เมื่อเกิดสถานการณ์อะไร ผบ.ทบ.จะต้องออกมาแถลงอะไรตลอด เรื่องนี้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับ ผบ.ทบ.เลยนะครับ ต้องบอกว่าถ้าใครติดตามดูข่าว ผบ.ทบ.ได้มีการเปิดบ้านให้คุณสาธิต เซกัล นักธุรกิจไทยเชื้อสายอินเดีย เข้าพบ ซึ่งเป็นการเข้าไปเพื่อเล่าความไม่สบายใจของคุณสาธิต เกี่ยวกับเนื้อหาการปราศรัย ขณะย้อนกลับไปหนึ่งวัน ก่อนวันเปิดบ้านให้เข้า คุณอานนท์ นำภา และพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพวนกิน เดินทางไปหาเลยนะครับ ถึงหน้ากองทัพบก ขอเข้าพบ ทำไมรองโฆษกกองทัพบกถึงเรียกม็อบเยาวชนว่าม็อบมุ้งมิ้ง สุดท้ายปิดประตูใส่หน้า ไม่ให้เข้าพบ ขณะที่อีกฝั่งเข้าได้ นี่คือเลือกปฏิบัติใช่หรือไม่ กลุ่มหนึ่งปิดบ้านใส่ อีกกลุ่มเปิดให้ บทบาทของกองทัพที่ดี ที่เหมาะสมในสังคมประชาธิปไตย คือ ผู้นำกองทัพออกมาให้สัมภาษณ์เรื่องสถานการณ์การเมืองไม่ได้ นี่เป็นเรื่องฝ่ายการเมืองไม่ใช่เรื่องกองทัพ ภารกิจของกองทัพ ง่ายๆ ตรงไปตรงมา คือสร้างกองทัพที่มีประสิทธิภาพ เข้มแข็ง พร้อมที่จะปกป้องประเทศหากมีการรุกราน เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องของตำรวจ ฝ่ายบริหาร ไม่ใช่เรื่องกองทัพ ส่วนที่เขาร้องไห้ เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา”
