เจ้าสำนักสงฆ์ดัง ล่วงละเมิดทางเพศสามเณรมาราธอน 4 วันจนทนไม่ไหว

ยื่นมือช่วย! สภาทนายความฯ รุดช่วยเณรที่ถูกเจ้าสำนักสงฆ์ดัง ล่วงละเมิดทางเพศ หลังญาติกลัวอิทธิพลพระสำนักสงฆ์ชื่อดัง

จากกรณีที่ครอบครัวสามเณรวัย 15 ปี ซึ่งเป็นราษฎรชาวเขาในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ต.แจ้ซ้อน อ.เมืองปาน จ.ลำปาง ออกมาแจ้งความไว้ที่ สภ.เมืองลำปาง ว่า ถูกเจ้าอาวาส หรือเจ้าสำนักสงฆ์แห่งหนึ่งใน อ.เมือง จ.ลำปาง ซึ่งเป็นวัดท่องเที่ยวชื่อดังในเขตพื้นที่ อ.เมือง จ.ลำปาง ได้ล่วงละเมิดทางเพศสามเณรรูปดังกล่าว

โดยล่าสุดก่อนหนีออกมา ถูกกระทำแบบมาราธอน 4 วัน ติด ทำให้สามเณรทนไม่ไหว ให้หลวงตา ซึ่งเป็นพระรูปอื่นพาหนีออกมา และหลบหนีข้ามจังหวัดไปอยู่ที่ อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ก่อนที่จะมาสึกออกจากสามเณรที่ จ.ลำปาง และกลับไปอยู่ที่บ้าน

ความคืบหน้าในเรื่องนี้ วันที่ 13 สิงหาคม 2563 หลัง นายดี (นามสมมุติ) อายุ 44 ปี พ่อของ ด.ช.เอ อดีตสามเณร ผู้เสียหาย เปิดออกมาเปิดใจ ว่า เกรงกลัวในเรื่องิทธิพลของพระสงฆ์เจ้าสำนักรูปนี้อย่างมาก เพราะมีลูกศิษย์ ลูกหา มาก หลากหลายวงการ โดยหลังที่ครอบครัวไปแจ้งความ ก็ได้ติดต่อมา เชิงข่มขู่ ให้ถอนแจ้งความ และยังให้คนมารับตนเองไปพูดคุยกับเจ้าสำนักสงฆ์ โดยมีลูกศิษย์ของพระ อยู่ด้วย เพื่อให้ตนเองพูด และมีการอัดคลิปภาพ เพื่อให้ตนเองโกหก ว่า ตนได้ใส่ร้ายเจ้าสำนัก หรือครูบา รูปดังกล่าว จึงยิ่งทำให้ตนเองเกิดความกลัว และยอมพูด และอัดคลิปภาพดังกล่าวไป

“ส่วนตัวไม่คิดว่าเป็นถึงพระครูบา จะมาทำเรื่องแบบนี้ได้ ตอนนี้ยอมรับ ว่า หวั่นใจ และกลัวว่า จะสู้อิทธิพลของพระไม่ได้ เนื่องจากพระมีอิทธิพลมาก และมีลูกศิษย์ ลูกหา มากมาย หลากหลายวงการ แต่มาถึงตอนนี้ ตนเองก็จะสู้ให้ถึงที่สุด เพราะถือว่าทำกับลูกชายตนเองมากจนเกินไป จึงร้องขออยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มาช่วยเหลือด้านกฎหมาย เพราะถูกทางพระข่มขู่ว่าจะฟ้องกลับ ประกอบกับตนเองไม่รู้กฎหมาย และยังฐานะยากจน ไม่มีเงินที่จะไปปรึกษาทนายความ ทุกวันนี้บ้านที่อยู่อาศัย ผนังบ้านยังทำจากไม้ไผ่อยู่เลย จึงขอให้ใครก็ได้มาช่วยเหลือ”

Advertisement

ล่าสุด นายกมล ถาน้อย ประธานสภาทนายความจังหวัดลำปาง ได้เปิดเผยว่า ทางสภาทนายความจังหวัด ได้รับทราบข่าว จากทางสื่อ ว่า ครอบครัวของอดีตสามเณรต้องการที่ปรึกษาทางด้านกฏหมาย เนื่องเกรงว่า จะไม่ได้รับความเป็นธรรม ดังนั้น ทางสภาทนายความจังหวัดลำปาง จึงมีความเห็นว่า จะต้องยื่นมือเข้าช่วยเหลือทางด้านกฎหมายแก่ครอบครัวของอดีตเณรผู้เสียหาย และจากการที่ได้พูดคุยกับครอบครัวผู้เสียหาย เบื้องต้นพบว่า ยังมีความกังวลใจ ว่า ทางพระเจ้าสำนักสงฆ์อาจจะใช้อิทธิพล หรืออาจจะไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งข้อเท็จจริงจะเป็นอย่างไรนั้น ก็ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image