มติชน สมาร์ทบิซ วันที่ 1 ส.ค.2559
นาย เพ็ชร ชั้นเจริญ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานดอนเมือง เปิดเผยว่า ทอท. ได้วางมาสเตอร์แพลนพัฒนาสนามบินดอนเมือง เฟส 3 งบลงทุนกว่า 27,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 2 เฟสย่อย หลังการเติบโตของสายการบินโลว์คอสต์ ที่เข้ามาใช้สนามบินดอนเมืองเป็นศูนย์กลางการบิน มีการเปิดจุดบินใหม่ ๆ ทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศจีน ซึ่งถือเป็นจุดหมายสำคัญของสายการบินโลว์คอสต์รายใหญ่ เช่น ไทยแอร์เอเชีย และไทยไลอ้อนแอร์ ทำให้จำนวนเที่ยวบิน และปริมาณผู้โดยสารเพิ่มสูงต่อเนื่อง จนเกิดปัญหาตารางบินค่อนข้างแน่น และหลุมจอดไม่เพียงพอต่อความต้องการ โดย ทอท. คาดว่า สิ้นปี 59 จะมียอดผู้โดยสารเต็มขีดความสามารถ
โดยข้อมูลของ ทอท. ระบุว่า การเติบโตของสนามบินดอนเมือง พุ่งสูงต่อเนื่องในช่วง 3 ถึง 4 ปีที่ผ่านมา แม้ว่า ทอท.จะเพิ่งเปิดให้บริการอาคารผู้โดยสารภายในประเทศ ตามแผนพัฒนาสนามบินดอนเมือง ระยะที่ 2 เมื่อช่วงปลายปี 2558 ที่ผ่านมา แต่ปัจจุบันมีผู้โดยสารใช้บริการสูงถึง 28.5 ล้านคนต่อปี จากความสามารถรองรับสูงสุดที่ 30 ล้านคนต่อปี ขณะที่จำนวนเที่ยวบิน เพิ่มขึ้นจากเมื่อปี 2556 ที่มี 144,108 เที่ยวบิน เป็น 224,074 เที่ยวบินในปี 2558
ด้านนาย อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัทคิงเพาเวอร์ ในฐานะกรรมการ บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ไทยแอร์เอเชีย มีแผนเปิดเส้นทางบินใหม่ ๆ และขยายตลาดชาร์เตอร์ไฟลต์มากขึ้น ซึ่งตามแผนปีนี้ จะรับมอบเครื่องบินครบ 51 ลำ คาดการณ์ผู้โดยสารอยู่ที่ 17 ล้านคน เน้นเจาะอินเดียและอาเซียนอย่างต่อเนื่อง เสริมตลาดจีนที่แข็งแกร่งอยู่แล้ว ซึ่งปัจจุบัน ไม่เพียงเฉพาะสายการบินโลว์คอสต์ที่ยึดดอนเมืองเป็นฐานที่มั่น แต่ยังมีสายการบินรายใหม่ ๆ เข้ามาใช้บริการที่ดอนเมืองด้วย อาทิ สปริงแอร์ จากจีน การเดินหน้าลงทุนเฟส 3 จึงเป็นแผนของ ทอท. ที่ต้องการจะย้ำการเป็นศูนย์กลางการบินในภูมิภาค
สำหรับเฟสย่อย 3.1 จะเริ่มพัฒนาตั้งแต่ปี 2560 ถึง 2565 ใช้งบลงทุนประมาณ 19,000 ล้านบาท เพิ่มหลุมจอดเป็น 148 หลุมจอด จากปัจจุบันที่มี 101 หลุมจอด จากนั้น จะเข้าสู่การพัฒนาเฟสย่อย 3.2 ตั้งแต่ปี 2566 ถึง 2568 ใช้งบลงทุนประมาณ 8,500 ล้านบาท ปรับปรุงพื้นที่ในสนามบิน เชื่อมต่อระบบขนส่งทางราง เเพิ่มขีดความสามารถให้รองรับผู้โดยสารได้ 40 ล้านคนต่อปี
