สธ.เตือนปปช. กินกลอย ล้างไม่ดี เสี่ยงอาหารเป็นพิษ

สธ.เตือนปปช. กิน “กลอย” ล้างไม่ดี เสี่ยงอาหารเป็นพิษ

เมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ที่ กระทรวงสาธารณสุข(สธ.) นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวถึงการพยากรณ์โรคและภัยสุขภาพรายสัปดาห์ ฉบับที่ 276 ประจำสัปดาห์ที่ 35 วันที่ 30 สิงหาคม – 5 กันยายน

นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า จากการเฝ้าระวังของกรมควบคุมโรค สถานการณ์อาหารเป็นพิษจากพืช ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2559-2563 พบเหตุการณ์อาหารเป็นพิษจากการรับประทานกลอย รวม 11 เหตุการณ์ โดยเกิดผู้ป่วยในแต่ละเหตุการณ์ประมาณ 3-32 ราย พบผู้ป่วยทั้งสิ้น 172 ราย เสียชีวิต 2 ราย ผู้ป่วยมีอาการรุนแรงเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล(รพ.) 36 ราย เหตุการณ์ส่วนใหญ่เกิดในเดือนสิงหาคม รองลงมาคือ ธันวาคม กันยายน และ มีนาคม ส่วนภูมิภาคที่พบเหตุการณ์สูงสุด คือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 9 เหตุการณ์ รองลงมาคือภาคใต้ 1 เหตุการณ์ และภาคตะวันออก 1 เหตุการณ์ ข้อมูลล่าสุดเดือนสิงหาคม 2563 มีรายงานพบผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษจากการรับประทานกลอยเป็นกลุ่มก้อน 2 เหตุการณ์จาก จ.นครพนม และนครราชสีมา รวม 27 ราย โดยทั้งสองเหตุการณ์ไม่มีผู้เสียชีวิต ผู้ป่วยส่วนใหญ่มีอาการเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน ผลการสอบสวนโรคพบว่าผู้ปรุงกลอยคาดว่ามีการล้างขจัดสารพิษจากแหล่งที่ขายมาแล้ว จึงไม่ได้ทำการขจัดสารพิษอีกครั้งก่อนที่จะนำมาปรุงอาหาร

“การพยากรณ์โรคและภัยสุขภาพประจำสัปดาห์นี้ คาดว่ามีโอกาสจะพบผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษจากการรับประทานกลอยเพิ่มขึ้น เนื่องจากในช่วงฤดูฝนเป็นช่วงที่กลอยกำลังออกดอกและมีหัว ซึ่งทำให้กลอยมีพิษสูงกว่าฤดูอื่นๆ กลอย มีลักษณะทั่วไปเป็นไม้เถา มีหัวใหม่เกิดขึ้นทุกปีจากส่วนลำต้นใต้ดิน ในหัวกลอยมีแป้งและมีสารพิษที่ชื่อว่าไดออสคอรีน (Dioscorine) มีฤทธิ์กดระบบประสาทส่วนกลาง ผู้ที่ได้รับพิษจากกลอยจะมีอาการคันที่ปาก ลิ้น คอ คลื่นไส้ อาเจียน และทำให้เกิดอาการ มึนเมา วิงเวียน ใจสั่น ตาพร่า อึดอัด” นพ.สุวรรณชัย กล่าว

นพ.สุวรรณชัย กล่าต่อว่า โดยข้อมูลจากศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (ไบโอเทค) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) พบว่าการขจัดพิษจากหัวกลอยในสมัยก่อนทำได้โดยการฝานหัวกลอยเป็นชิ้นบางๆแล้วนำมาแช่น้ำไหล เช่น ในลำธาร ซึ่งต้องใช้เวลาชะล้างสารพิษนานไม่ต่ำกว่า 7 วัน หรืออีกวิธีหนึ่งคือ การนำไปแช่ในน้ำเกลือเข้มข้น โดยเกลือจะทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนสารไดออสคอรีนในแผ่นกลอยได้เร็วขึ้น แต่ต้องถ่ายน้ำทิ้งหลายๆ ครั้ง และใช้เวลาแช่ไม่ต่ำกว่า 3 วัน อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีวิธียืนยันว่าการกำจัดพิษข้างต้นจะสามารถกำจัดพิษได้ 100% กรมควบคุมโรค จึงขอแนะนำประชาชนให้ระมัดระวังการรับประทานกลอย โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝน หากนำมารับประทาน ควรเลือกซื้อกลอยจากแหล่งที่น่าเชื่อถือและมีการขจัดพิษแล้ว หากไม่แน่ใจควรปรุงกลอยโดยผ่านกรรมวิธีการขจัดพิษที่เหมาะสมก่อนทุกครั้ง

Advertisement

นอกจากนี้ นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า หลีกเลี่ยงไม่ให้เด็กรับประทานกลอย เนื่องจากในเด็กหากได้รับสารพิษแม้ในปริมาณเล็กน้อยอาจจะมีอาการรุนแรงกว่าผู้ใหญ่ ทั้งนี้ หากประชาชนที่รับประทานกลอยแล้วเกิดอาการผิดปกติข้างต้นควรรีบพบแพทย์ในทันที สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ศูนย์พิษวิทยา รพ.รามาธิบดี โทร.1367 หรือสายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image