รอง ผบ.ตร. ประชุมเครียดคดีกลุ่มคนร้ายบุกปล้นบ้าน สั่งเจ้าหน้าที่หาหลักฐานเพิ่ม

รอง ผบ.ตร. ประชุมเครียดคดีกลุ่มคนร้ายบุกปล้นบ้าน สั่งเจ้าหน้าที่หาหลักฐานเพิ่ม

จากที่มีเหตุปล้นทรัพย์นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศ เหตุเกิดที่หมู่บ้านสยาม รอยัลวิว หลังที่ 126 บ้านเลขที่ 78/179 ม.10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยพบนายซูชิฮง อายุ 38 ปี สัญชาติจีน นายซูหลงชาง อายุ 31 ปี สัญชาติจีน อยู่ภายในบ้านพักได้ให้การโดยผ่านล่ามว่า ตนถูกกลุ่มคนร้ายเป็นชายไม่ทราบสัญชาติ จำนวน 5 คน เข้ามาภายในบ้านพักแล้วจับมัดมือมัดเท้า พร้อมทั้งใช้อาวุธปืนจี้บังคับ รื้อค้นตามห้องต่างๆ และงัดที่ห้องเก็บตู้เชฟ และบังคับให้ตน (นายซูชิฮง) เปิดตู้เซฟ ได้เงินไปประมาณ 3 ล้านบาท เมื่อได้ทรัพย์สินกลุ่มคนร้ายทั้งหมดได้หลบหนี ต่อมามีนายพลเชษฐ์ จ่าเตะแอ ซึ่งเป็นคนขับรถให้นายซูชิฮง กลับมาที่บ้านที่เกิดเหตุได้พบเหตุการณ์ จึงได้แจ้ง รปภ.ของหมู่บ้านเพื่อแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ความคืบหน้าเมื่อเวลา 13.00 น. ของวันที่ 9 ก.ย.63 ที่ สภ.หนองปรือ พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. เดินทางมาประชุมความคืบหน้าคดี โดยมีตำรวจสืบสวนภาค 2 ชุดสืบสวนจังหวัดชลบุรี ชุดสืบสวน สภ.หนองปรือ ตำรวจท่องเที่ยว ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และศูนย์พิสูจน์หลักฐานภาค 2 เข้าร่วมประชุมโดยพร้อมเพรียง

โดยภายหลังจากใช้เวลาประชุมเครียดกว่า 2 ชม. พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ รอง ผบ.ตร. เปิดเผยต่อสื่อมวลชนว่า วันนี้เรียกประชุมหน่วยงานตำรวจที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีนี้ทั้งหมด เพื่อสรุปความคืบหน้าคดีและพยานหลักฐานต่างๆ จากนั้นได้แบ่งหน้าที่การทำงานในแต่ละภาคส่วน เพื่อเร่งหาพยานหลักฐาน ในการสรุปความคืบหน้าของคดีและข้อเท็จจริง

เบื้องต้น คดีนี้ต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงตามคำกล่าวอ้างของผู้เสียหายก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นจะต้องตรวจสอบพยานหลักฐานต่างๆ รวมทั้งการสอบปากคำผู้เสียหาย และพยานแวดล้อม เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการก่อเหตุให้ชัดเจนมากที่สุดว่าเหตุการ์ณนี้เกิดขึ้นจริงหรือไม่ โดยเมื่อรับแจ้งทางเจ้าหน้าที่ก็ได้สอบสวนตามที่รับแจ้ง ตอนนี้เป็นคำกล่าวที่เราต้องหาหลักฐานอื่นๆ เช่น กล้องวงจรปิด ทรัพย์สินที่ถูกประทุษร้ายตอนี้เป็นคำกล่าวที่ทางเราต้องหาหลักฐานเพิ่มเติมในชั้นสืบสวนและชั้นสอบสวน

Advertisement

จากการสอบปากคำผู้เสียหาย อ้างว่าคนร้ายมีด้วยกัน 5 คน แต่งกายมิดชิด มีการปิดบังใบหน้า และมีการพูดภาษาอังกฤษบ้างบางคำ แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าคนร้ายเป็นชาวไทย หรือต่างชาติ ซึ่งเป็นเพียงคำให้การเบื้องต้น จะต้องทำการสอบปากคำผู้เสียหายและพยานแวดล้อมโดยละเอียดอีกครั้งในประเด็นต่างๆ เพิ่มเติมที่ตกหล่นไป เพื่อตรวจสอบว่าคำให้การของผู้เสียหายและพยานตรงกันหรือไม่อย่างไร

สำหรับผู้เสียหายนั้นพบว่า เปิดบริษัททำธุรกิจเกี่ยวเครื่องสำอางโดยมีการเชื่อมโยงกับบริษัทที่ประเทศจีน อย่างไรก็ตาม จะต้องตรวจสอบประวัติอื่นๆ การเข้าออกประเทศไทย ประวัติการกระทำความผิดด้านอาชญากรรม โดยหลังจากนี้ขอให้เจ้าหน้าที่ทุกส่วนได้ทำงานกันสักระยะ โดยในสัปดาห์หน้าจะเรียกประชุมสรุปความคืบหน้าของคดีนี้อีกครั้งต่อไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image