มีใครหรือที่จะไม่รู้ว่า “คุณ” มีที่มาอย่างไร และได้อำนาจมาด้วยวิธีใด
เมื่อได้เห็นแล้วประจักษ์แจ้งแล้วว่าทุกคำพูดกลับกลอก ที่บอกไม่หวังไม่ต้องการสืบทอดอำนาจหลังจากก่อรัฐประหารล้วนโกหก
ไม่มีใครเชื่อคุณอีก
คุณโหดที่กวาดต้อนคนเห็นต่างเข้าคุกตะราง ปิดหูปิดตาปิดปากผู้คนทั่วไปพร้อมๆกับตั้งสมุนบริวารเขียนกติกาขึ้นมาใหม่จนได้สิ่งที่เรียกกันว่า “รัฐธรรมนูญฉบับนี้ดีไซน์มาเพื่อพวกเรา”
ให้กำเนิด “250 ส.ว.” เพื่อมายกมือเห็นชอบผู้ที่เป็น “นายกรัฐมนตรี”
ปู้ยี่ปู้ยำทำลายระบบพรรค การเมือง บดขยี้แม้แต่บางพรรคที่เคยเป็นพันธมิตรจนเกือบจะสูญพันธุ์ !
หลังเลือกตั้ง ได้นายกรัฐมนตรี “คนหน้าเดิม” ที่เคยเป็น “หัวหน้าคสช.” ผู้นำรัฐประหาร 22 พ.ค.2557 หาใช่ความบังเอิญ
ยังจะมีใครหรือที่เชื่อว่า ไม่ขี้ฉ้อ !?
เลิกเถอะ !
เลิกเอาดีใส่ตัวแล้วป้ายความผิดความชั่วให้กับผู้อื่น เลิกยกหูชูหาง ชี้หน้าด่ากราดชาวบ้าน
เลิกบิดเบือนการบังคับใช้กฎหมายกับผู้ชุมนุมและนักการเมืองฝ่ายตรงข้าม เลิกกลั่นแกล้งรังแกจับกุมด้วยข้อหาหยุมหยิม
เลิกใช้กลไกรัฐคุกคามข่มเหง
เลิกเถอะ ที่คิดจะใช้ตำรวจทหารเข้าสลายการชุมนุมของนักเรียนนักศึกษาประชาชนที่ออกมาขับไล่ผู้นำรัฐบาล
ทหารทุกเหล่าทัพเลิกเถอะ !
กลับเข้ากรมกองไปเป็น “ทหารอาชีพ” ทำหน้าที่ปกป้องประเทศชาติจากอริราชศัตรู ไม่ใช่ “ค้ำบัลลังก์” ให้กับผู้มักใหญ่ใฝ่สูงทางการเมือง
ต้องเลิกตุกติก เลิกคิดร้ายด้วยการวางแผนจุดไฟให้ลามเมืองแล้วจะก่อรัฐประหารอีกครั้ง
ควรยุติความทะยานอยากแต่เพียงเท่านี้
เลิกเล่นลิ้นยื้อเวลา
องค์กรอิสระและผู้เกี่ยวข้องในระบบยุติธรรมทั้งหลายรวมไปถึงนักการเมืองผู้มักมาก บัดนี้ใกล้ถึงวาระสุดท้ายของการเสพสุขอันยาวนานแล้ว ได้โปรดตั้งสติไตร่ตรองตรวจสอบทบทวนสถานการณ์ให้ดี เช่นเดียวกับ “เห็บ” ทั้งหลายที่อิ่มหมีพีมันทั่วกันแล้ว รีบสลัดทิ้งตัวออกมาให้ทันเวลา
ต้องเลิกมุขเก่าๆ ที่คิดจะปลุกระดมมวลชนฝ่ายขวาออกมา “ฆ่าเด็ก”
นับล้านเสียงของลูกหลานที่ตะโกนกระหึ่มก้อง ทุกวันในเวลาบ่ายถึงค่ำนั้น หนักแน่น ทรงพลังและกำลังขยายวงกว้างเกินต้านไหว
ออกไป-ออกไป-ออกไป
เมื่อเป็น “ปัญหาของประเทศ” คุณก็ควรจะออกไป ไม่ใช่คิดปราบปราม !?!!