การเคลื่อนไหวของผู้ชุมนุมทุกกลุ่มในวันนี้ล้วนแต่มี “ประเด็น” ขับเคลื่อนเพื่อให้เกิด “ความเปลี่ยนแปลง”
มีทิศทางที่จะ “ยก” สังคมไทยให้สูงขึ้น
ดังนั้น ในการที่จะวินิจฉัยว่าอะไรดีหรือไม่ดี สร้างสรรค์หรือทำลาย จึงไม่ควรมักง่ายหลงเชื่อวิธี “ปลุกผี” แบบเก่าๆ เช่นว่า ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญบางฉบับมุ่งจะพาทักษิณ-ยิ่งลักษณ์กลับบ้าน
หรือไม่ก็ใส่ความ ให้ร้ายป้ายสี ธนาธร-ปิยบุตร-ช่อ พรรณิการ์ นักการเมืองรุ่นใหม่ผู้อาภัพว่า “อยู่เบื้องหลัง”
จะให้ถูก ต้องกล่าวว่า เพราะ “ธนาธร-ปิยบุตร-พรรณิการ์” “เปิดหน้า” มากเกินไปและได้รับความสำเร็จทางการเมืองเร็วเกินไปจึงถูก “กำจัด” ออกไป
คนที่คุ้นเคยกับทุกสิ่งที่เห็นที่เป็นอยู่ ไม่อยากเห็น ไม่อยากให้เป็นอย่างอื่น
“การเปลี่ยนแปลง” กับ “การแข็งขืน-ต่อต้าน” ย่อมเป็นของคู่กัน
เมื่อมีฝ่ายหนึ่งต้องการ “ความเปลี่ยนแปลง” ก็ย่อมต้องมีอีกฝ่าย ที่สร้างกำแพงหรือสิ่งกีดขวางเพื่อสกัดกั้นไม่ให้เปลี่ยน
ที่จริงแล้ว การเคลื่อนไหวของเด็กเยาวชนและผู้ชุมนุมในวันนี้ คล้ายปฏิบัติการท้าทายศาสนจักรในยุโรปของ “มาร์ติน ลูเธอร์” เมื่อ 500 ปีก่อน
ก่อนที่เราจะได้ใช้ชีวิตท่ามกลางความล้ำเลิศทางเทคโนโลยีสื่อสารในทุกวันนี้ แม้แต่ “วิทยาศาสตร์” ก็ยังเคยเป็นปฏิปักษ์กับ “ความศักดิ์สิทธิ์” ของศาสนจักร
นักวิทยาศาสตร์นักคิดนักปราชญ์ถูกฆ่าถูกจำคุกเพียงเพราะท้าทายกับของเก่าความเชื่อเก่า
“มาร์ติน ลูเธอร์” ลุกขึ้นตั้งคำถามกับศาสนจักรเกือบ 100 ข้อ
เมื่อวิทยาศาสตร์มอบแท่นพิมพ์ให้กับโลก “มาร์ติน ลูเธอร์” เป็นผู้นำความเปลี่ยนแปลงด้วยการแปลคัมภีร์ไบเบิลจาก “ภาษาละติน” เป็น “ภาษาเยอรมัน”
เมื่อ “คัมภีร์ไบเบิล” ฉบับภาษาเยอรมันถูกจัดพิมพ์ออกมา นักคิดนักเขียนทั้งอังกฤษ ฝรั่งเศสและชาติอื่นๆ ก็มีคัมภีร์ไบเบิลเป็นของตนเอง
ด้วยเทคโนโลยีการพิมพ์ “มือ” ของสามัญชนก็เอื้อมถึง “พระผู้เป็นเจ้า” โดยไม่ต้องผ่าน “คนกลาง” !
“ความเปลี่ยนแปลง” เป็นเรื่องธรรมชาติ
การต่อต้านก็เป็น “ความปกติ”
ที่จะไม่ปกติก็คือ ผู้ต่อต้านกับผู้มีอำนาจมักเป็นคนคนเดียวกัน
“ประชาธิปไตย” ก็คล้ายกัน
ของแท้มักจะถูกต้าน ของเทียมถูกย้อมสีให้คนหลงเชื่อว่าใช่
“ประชาธิปไตย” ต้องเสมอภาคเท่าเทียม มีกระบวนการที่เปิดเผย โปร่งใส การใช้เงินของแผ่นดินทุกเม็ดทุกบาท ไม่ว่าใครจะเอาไปใช้ต้องถูกตรวจสอบได้ !?!!
