อาจารย์ มธ.เลคเชอร์เดือด! ชี้กรมป่าไม้ผูกขาด วนศาสตร์ไม่เก็ต เผาบ้าน-ไล่คนออกจากป่าละเมิดสิทธิรุนแรง

อาจารย์ มธ.เลคเชอร์เดือด! ชี้กรมป่าไม้ผูกขาด วนศาสตร์ไม่เก็ต เผาบ้าน-ไล่คนออกจากป่าละเมิดสิทธิรุนแรง

เมื่อวันที่ 14 มีนาคม ที่สะพานชมัยมรุเชฐ ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศบริเวณถนนพระรามที่ 5 ซึ่งเป็นจุดชุมนุมของกลุ่มภาคีเซฟบางกลอย และพีมูฟ หรือขบวนการประชาชนเพื่อสังคมเพื่อสังคมที่เป็นธรรม เมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. มีการจัดกิจกรรมสตรีทอาร์ตโดยศิลปินกราฟิตี้ชื่อดัง ได้แก่ Alex Face, Loboboy, Mue Bon สร้างงานศิลปะโดยพ่นภาพต่างๆ บนตู้คอนเทนเนอร์ริมคลองเปรมประชากร อาทิ ภาพปู่คออี้ ชาวปกาเกอะญอบ้านบางกลอย-ใจแผ่นดินผู้ล่วงลับ โดยมีผู้ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก

นอกจากนี้ กลุ่ม ‘คณะราษฎร์บอมบ์’ ร่วมกันแปะกระดาษโพสต์อิท ‘จดหมายถึงเพื่อน’ เรียกร้องให้ปล่อยผู้ต้องขังจากการเคลื่อนไหวทางการเมือง

จากนั้น มีการแสดงละครใบ้ และการกล่าวปราศรัยโดย ผศ.ดร.บุญเลิศ วิเศษปรีชา อาจารย์คณะสังคมวิทยาและมานุษยวิทยา ผู้เชี่ยวชาญด้านคนไร้บ้าน มีเนื้อหาโดยสรุปว่า คณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งสร้างบุคลากรรับราชการกรมป่าไม้ ไม่ได้มีความรู้ความเข้าใจในประเด็นของกลุ่มชาติพันธุ์ ในอดีตเป็นการนำศาสตร์ความรู้จากต่างประเทศมาใช้โดยไม่ได้คำนึงถึงบริบทที่แตกต่าง

Advertisement

ผศ.ดร.บุญเลิศกล่าวว่า กรมป่าไม้ซึ่งตั้งขึ้นเมื่อราว 100 ปีก่อนเดิมก็มีจุดประสงค์เพื่อทำสัมปทานไม้ โดยเรียนรู้จากอาณานิคมอังกฤษ ปัจจุบันก็คิดแต่จะรักษาป่าบริสุทธิ์ ไม่มีคน เช่นเดียวกับชนชั้นกลางในประเทศไทยก็มีแนวคิดเช่นนี้ จึงชอบโยกย้ายคนออกจากพื้นที่ ทั้งที่จริงๆ แล้วป่าไม้ที่ไม่มีคนอยู่ก็ไม่สามารถรักษาทรัพยากรได้ ตรงกันข้าม คนกับป่าพึ่งพิงอาศัยกัน คนรู้ว่าถ้าทำลายป่าคือทุบหม้อข้าวตัวเอง

“กรมป่าไม้ผูกขาด มองคนแยกจากป่า ไม่ส่งเสริมการมีส่วนร่วม ทั้งที่บุคลากรก็ไม่เพียงพอในการดูแลป่า สำหรับการเผาบ้านของชาวปกาเกอะญอ คือการละเมิดสิทธิอย่างรุนแรง ไม่มีอะไรเลวร้ายกว่านี้อีกแล้ว นี่ไม่ใช่การอพยพธรรมดา แต่เป็นกระบวนการละเมิดชีวิตคนอย่างไม่รู้จะสรรหาคำใดมาใช้ได้ เป็นอาชญากรรมที่ทำลายชีวิตผู้คน

Advertisement

“ผมชอบคำที่เขาบอกว่า อยากกลับบ้าน เวลาคิดถึงเรื่องคนไร้บ้าน หัวใจสำคัญคือ ใครๆ ก็อยากกลับบ้าน คำว่า บ้าน มีความหมายกินใจมาก สมมุติว่าใครมีห้องเช่าหรือตึกแถวว่างให้อยู่ ถามว่าชาวบ้านที่มาอยู่กรุงเทพฯอยากอยู่ไหม ไม่มีใครอยากอยู่ เพราะบ้านมีความหมายมากกว่าที่อยู่อาศัย แต่มีความผูกพันอยู่ในนั้น

“การได้ฝังร่างในแผ่นดินเกิดของตัวเองมีความหมายมาก ถ้าเรื่องแค่นี้ผู้มีอำนาจไม่เข้าใจ ก็ไม่รู้จะบริหารประเทศต่อไปได้อย่างไร รัฐบาลพูดบ่อยๆ ว่า เราจะพัฒนาประเทศแบบไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง แต่สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่อย่างนั้น แต่นี่คือการพัฒนาที่เรียกว่ากระทืบ กระทำซ้ำเติม” ผศ.ดร.บุญเลิศกล่าว

จากนั้น ในช่วงค่ำ มีการฉายภาพยนตร์สารคดีหลายเรื่อง มีเนื้อหาเกี่ยวกับวิถีชีวิตชาวปกาเกอะญอบ้านบางกลอยที่เปลี่ยนแปลงไป โดยต้องทำอาชีพขายแรงงาน บ้างก็เป็นยาม หรือรับจ้างได้ค่าแรงวันละ 200 บาท และไม่ได้มีงานทุกวัน บางครั้งไข่ 1 ฟอง ต้องแบ่งกิน 3 มื้อ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image