ต้องมี ‘ทางเลือก’

รัฐบาลเปิดให้ประชาชนกลุ่มแรกลงทะเบียนในแอพพลิเคชั่นหมอพร้อม เพื่อฉีดวัคซีนเข็มแรก ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา ขณะที่มีเสียงถามถึงศักยภาพของวัคซีนที่จะนำมาฉีดซึ่งในประเทศไทยจำกัดไว้เพียง 2 ชนิด ส่วนวัคซีนทางเลือกที่ภาคเอกชนขอนำเข้า ปรากฏว่าทางรัฐบาลยืนกรานว่า จำนวนที่สั่งเอาไว้ มีครบตามความจำเป็นแล้ว ทำให้ภาคเอกชนยอมถอยให้รัฐบาลเป็นผู้จัดหาวัคซีนแต่ผู้เดียว

เมื่อเร็วๆ นี้ ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา คณบดีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงสถานการณ์การระบาดทั่วโลก และการฉีดวัคซีนในประเทศต่างๆ ตอนหนึ่งว่า ข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 21 เม.ย. รายชื่อวัคซีน 8 ตัว ที่มีการใช้ในภาวะฉุกเฉินทั่วโลก พบว่าวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า เทคโนโลยีไวรัลเวกเตอร์ (Viral Vector) ใช้มากที่สุดใน 91 ประเทศทั่วโลก รองลงมา คือ วัคซีนไฟเซอร์ เทคโนโลยีเอ็มอาร์เอ็นเอ (mRNA) ใช้ใน 83 ประเทศ ถัดไปคือ วัคซีนสปุตนิกวี เทคโนโลยีไวรัลเวกเตอร์ คล้ายกับแอสตร้าฯ ใช้ใน 62 ประเทศ ต่อมาคือ วัคซีนโมเดอร์นา ใช้เทคโนโลยีเดียวกับไฟเซอร์ ใช้ใน 46 ประเทศ วัคซีนจอห์นสันแอนด์จอห์นสัน เทคโนโลยีไวรัลเวกเตอร์ ใช้ใน 40 ประเทศทั่วโลก รองมาเป็น วัคซีนซิโนฟาร์ม เทคโนโลยีเชื้อตาย ใช้ใน 35 ประเทศ วัคซีนซิโนแวค ใช้ใน 22 ประเทศ และวัคซีนบารัต เทคโนโลยีเชื้อตาย ใช้ใน 6 ประเทศทั่วโลก

ถือเป็นข้อมูลที่สำคัญ ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ ยังระบุว่า กรณีวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ที่มีข่าวเกิดลิ่มเลือดอุดตัน เมื่อศึกษาจากผลกว่า 10 ล้านโดส พบว่าปลอดภัย หลายประเทศกลับมาฉีดแอสตร้าฯกันแล้ว รัฐบาลจึงควรเปิดโอกาสให้ประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์ มี ทางเลือกŽ ในการรับวัคซีน แทนที่จะจำกัดไว้เฉพาะวัคซีนที่รัฐบาลเป็นผู้เลือก และประชาชนไม่มั่นใจในความปลอดภัย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image