เมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 26 พฤษภาคม ตำรวจ สน.ท่าเรือ รับแจ้งเหตุพบผู้เสียชีวิตที่บริเวณประตูทางออกการท่าเรือแห่งประเทศไทย ถนนท่าเรือ แขวงและเขตคลองเตย กรุงเทพฯ จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุอยู่บนทางเท้า พบศพชาย 1 ราย ทราบชื่อต่อมา นายซาลาหมัด โซ๊ะมา อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 20/14 หมู่ 2 แขวงคู้ฝั่งเหนือ เขตหนองจอก กรุงเทพฯ นอนเสียชีวิตลักษณะหงายหน้า สวมเสื้อยืดสีน้ำเงิน นุ่งกางเกงขายาวลายพราง เจ้าหน้าที่จึงปิดกั้นพื้นที่ พร้อมสวมใส่ชุดและถุงมือเพื่อป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19
สอบสวนพยานทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายได้เดินมาแต่จู่ๆ ก็ล้มลงคล้ายเป็นลมก่อนเสียชีวิต จากการตรวจสอบเอกสารที่ติดตัวพบเอกสารเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ระบุว่า ผู้ตายถูกศาลอาญากรุงเทพใต้ พิพากษาจำคุก 2 ปี ในคดีเกี่ยวกับ พ.ร.บ.อาวุธปืน ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม 2562 กำหนดพ้นโทษวันที่ 11 พฤษภาคม 2564 และยังพบเอกสารทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ กทม. รายงานผลการทดสอบระบุชื่อผู้ตายติดโควิด-19 เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม
นอกจากนี้ ยังพบใบรับรองการเจ็บป่วยจากโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง (รพ.วิชัยเวช อินเตอร์เนชั่นแนล หนองแขม) ลงวันที่ 26 พฤษภาคม 2564 ใจความระบุว่า ผู้ตายได้ตรวจพบเชื้อไวรัสโควิด-19 เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2564 และได้เข้ามาพักรักษาตัว ณ หอผู้ป่วยเฉพาะกิจ หรือฮอสปิเทล ตั้งแต่วันที่ 12-26 พฤษภาคม 2564 เป็นเวลา 14 วัน ความเห็นแพทย์ ผู้ป่วยรายนี้อาการดีขึ้นและหายป่วยจากโควิด-19 โดยพิจารณาจากอาการเป็นหลัก ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตนตามวิถีใหม่ อีกทั้งได้แนะนำในกรณีที่ผู้ป่วยมีความจำเป็นต้องกักตัวเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มความมั่นใจต่อตนเองและบุคคลรอบข้าง ผู้ป่วยสามารถกักตัวเพิ่มเติมต่อเนื่องอีกเป็นเวลา 7-14 วัน หากผู้ป่วยมีอาการผิดปกติหลังจากออกจากฮอสปิเทลให้ติดต่อและเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่จึงเก็บเอกสารที่พบไว้เป็นหลักฐาน ก่อนนำศพส่ง รพ.จุฬาฯ เพื่อชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต
รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบเอกสารที่ติดตัวนายซาลาหมัด คาดว่านายซาลาหมัดน่าจะติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในระหว่างคุมขังในเรือนจำ เมื่อครบกำหนดพ้นโทษจึงถูกนำตัวไปรักษาต่อที่ฮอสปิเทลจนครบกำหนด 14 วัน แพทย์เห็นว่าอาการดีขึ้นและหายป่วยจากโควิด-19 แล้ว จึงให้กลับ พร้อมแนะนำหากจำเป็นให้กักตัวที่บ้านอีก 7-14 วัน อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบประวัติพบว่าผู้ตายเป็นบุคคลไร้ที่พึ่ง (เร่ร่อน) มักพักอาศัยอยู่ละแวกการท่าเรือฯ ดำรงชีพด้วยการรับจ้างทั่วไป กระทั่งถูกพบเสียชีวิต หลังจากนี้พนักงานสอบสวนจะติดตามหาญาติต่อไป
