ต้านไม่ไหว! ไทยพ่ายญี่ปุ่น 0-2 จบ 2 นัดยังไร้ชัยคัดบอลโลก

ขุนพล “ช้างศึก” ทีมฟุตบอลทีมชาติไทย ลงทำศึกฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก โซนเอเชีย รอบ 12 ทีมสุดท้าย กลุ่มบี นัดที่สอง พบกับ “ซามูไรบลู” ทีมชาติญี่ปุ่น ที่ราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อวันที่ 6 กันยายน

เกมนี้ “ซิโก้” เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ที่ขาด “ตังค์” สารัช อยู่เย็น ซึ่งโดนแบนจากเกมพบซาอุดีอาระเบีย มีการปรับแผนเล็กน้อยโดยเฉพาะในแดนกลางกับแดนหน้า แต่ยังมาในระบบ 4-3-3 เช่นเดิม นำโดย กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ เป็นผู้รักษาประตู กองหลัง แบ๊กขวา ทริสตอง โด เซนเตอร์แบ๊ก ธนบูรณ์ เกษารัตน์ จับคู่กับ กรวิทย์ นามวิเศษ แบ๊กซ้ายเป็น “กัปตันอุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน กองกลางใช้ ชาริล ชัปปุยส์ ลงเล่นเป็นตัวรับคู่กับ ปกเกล้า อนันต์ โดยให้ “เมสซี่เจ” ชนาธิป สรงกระสินธ์ เป็นเพลย์เมกเกอร์ ส่วนแนวรุกวันนี้ปรับให้ “ต้น” นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม ลงเล่นทางด้านปีกขวา ซ้ายใช้เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์ และกองหน้าตัวเป้าเป็น ธีรศิลป์ แดงดา

JAY_8939

ขณะที่ วาฮิด ฮาลิลโฮดซิช กุนซือทีมชาติญี่ปุ่น มีการเปลี่ยนแปลงผู้เล่นเล็กน้อย โดยจัดทัพในระบบ 4-2-3-1 นำโดย ผู้รักษาประตู นิชิคาวะ ชูซาคุ กองหลัง 4 คน ประกอบด้วย แบ๊กซ้าย โกโตคุ ซากาอิ แบ๊กขวา ฮิโรกิ ซากาอิ คู่เซนเตอร์ มายะ โยชิดะ กับ โมริชิเกะ มาซาโตะ คู่กลางใช้ มาโกโตะ ฮาเซเบะ กับ โฮตารุ ยามากูจิ ปีกซ้ายใช้ เกงกิ ฮารากูจิ ปีกขวา เคซุเกะ ฮอนดะ เพลย์เมกเกอร์เป็น ชินจิ คากาวะ โดยมีทาคุมะ อาซาโนะ เป็นกองหน้าตัวเป้า

Advertisement

สถิติการพบกันระหว่างไทย กับญี่ปุ่น เคยพบกัน 17 ครั้ง ไทยชนะแค่ครั้งเดียว เสมอ 3 ครั้ง และแพ้ 13 ครั้ง หากนับเฉพาะแมตช์ฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก เคยเจอกัน 4 ครั้งญี่ปุ่นชนะรวด

ก่อนเริ่มครึ่งแรกมีฝนตกลงมาเล็กน้อย และเป็นญี่ปุ่นที่ครองบอลได้มากกว่า ก่อนจะมีโอกาสยิงครั้งแรกในนาทีที่ 8 จากลูกเตะมุมฮารากูจิ ลากบอลจากลูกเตะมุมเข้าไปยิงมุมแคบ แต่แนวรับไทยยังป้องกันออกมาไดั

นาทีที่ 12 ญี่ปุ่นได้ฟรีคิก คากาวะเปิดยาวไปเสาสอง กวินทร์ออกไปไม่ถึงบอล ฮอนดะโหม่งชงกลับเข้ามา แต่ธนบูรณ์ยังตามมาเคลียร์บนเส้นได้หวุดหวิด

Advertisement

14199390_1729624537302680_7308155183830970166_n copy

ไทยยังเปิดเกมบุกของตัวเองไม่ได้ 4 นาทีต่อมาเกือบเสียประตูอีกครั้ง จากจังหวะที่โมริชิเกะ มาซาโตะ ยิงจ่อๆ แต่กวินทร์ เซฟได้จากบนเส้นประตู

สุดท้ายไทยต้านไม่อยู่เสียประตูในนาทีที่ 17 จากจังหวะที่ ฮิโรกิ ซากาอิ แบ๊กขวาเปิดเข้ามาให้ เกงกิ ฮารากูจิ สอดขึ้นมาโหม่งเป็นประตูให้ญี่ปุ่นออกนำ 1-0

JAY_9035

ญี่ปุ่นยังเปิดเกมบุกต่อ นาทีที่ 24 มีโอกาสอีกครั้งจากจังหวะที่อาซาโนะ พลิกตัวหนีธนบูรณ์มาได้ ก่อนเปิดให้ฮอนดะชาร์จจ่อๆ พลาด ชวดหนีห่าง

02

ช่วงท้ายครึ่งแรกญี่ปุ่นเกือบได้ประตูอีกครั้งจากจังหวะที่ ฮอนดะเลี้ยงตัดจากด้านขวาเข้ามายิงแฉลบธนบูรณ์ แต่กวินทร์ยังปฎิกิริยาดี พุ่งปัดออกไปได้ ก่อนที่ทดเวลาบาดเจ็บญี่ปุ่นได้โอกาสยิงต่อเนื่อง 3 ครั้งติดๆ กัน แต่กวินทร์ยังช่วยเซฟไว้ได้ ทำให้ไทยยังตามหลังเพียง 0-1 หลังจบครึ่งแรก

ครึ่งหลังทั้งสองทีมยังไม่มีการปรับเปลี่ยนตัวผู้เล่น นาทีที่ 53 ไทยเกือบเสียประตูจากจังหวะที่ญี่ปุ่นได้ลูกขลุกขลิกหน้าประตู จังหวะสุดท้ายเป็นอาซาโนะ ได้ยิงในกรอบเขตโทษแต่แฉบลนฤบดินทร์เข้ามือกวินทร์ไปได้

04

จากนั้นไทยเปลี่ยนผู้เล่นคนแรกถอดนฤบดินทร์ออกส่ง “ปีโป้” สิโรจน์ ฉัตรทอง กองหน้าที่ติดทีมชาติครั้งแรกลงมาแทน

นาทีที่ 70 ไทยเกือบได้ประตูจากจังหวะที่ชนาธิปจ่ายทะลุช่องให้ธีรศิลป์ได้หลุดไปยิง แต่ติดหน้าของนิชิคาวะ ชูซาคุ นายทวารญี่ปุ่น ก่อนจะตามมาตะครุบไว้ได้

05

นาทีที่ 76 ญี่ปุ่นได้ประตูหนีห่างไปเป็น 2-0 จากจังหวะหลุดเดี่ยวของอาซาโนะ ยิงลอดตัวกวินทร์เข้าไป

ไทยเปลี่ยนคนที่ 2 ส่งประกิต ดีพร้อม ลงมาเล่นแทนปกเกล้า แต่ทว่าอยู่ในสนามได้เพียงแค่ 10 นาที ถูก 2 ใบเหลืองซ้อนๆ กัน เป็นใบแดงไล่ออกจากสนาม

06

หลังจากนั้นญี่ปุ่นครองเกม ทำให้ไทยบุกไม่ขึ้น จบเกมไทยพ่าย 0-2 แพ้เป็นเกมที่ 2 ติดต่อกัน

ผลอีกคู่ในกลุ่มเดียวกัน อิรัก เปิดบ้าน แพ้ซาอุดีอาระเบีย 1-2 ทำให้ตารางคะแนนในกลุ่มนี้ ซาอุดีอาระเบีย นำเป็นจ่าฝูงของกลุ่ม ชนะ 2 เกมรวดมี 6 คะแนน ส่วนญี่ปุ่นนั้นมี 3 คะแนน อยู่อันดับ 3 ขณะที่ไทยกับอิรัก แพ้ 2 นัดรวด ยังไม่มีคะแนนทั้งสองทีม

2 นัดต่อไปของทีมชาติไทย จะต้องบุกไปเยือนสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ในวันที่ 6 ตุลาคม และเยือนอิรัก ในวันที่ 11 ตุลาคม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image