ซุป’ตาร์ยูโร : ราฮีม สเตอร์ลิ่ง แรงขับสู่การปลดล็อกในรอบ 55 ปี
โดนคำสบประมาทจากแฟนบอลอย่างมากสำหรับ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง แนวรุกชาวอังกฤษวัย 26 ปี แต่เขาได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเป็นกำลังสำคัญของทัพ “สิงโตคำราม” ทีมชาติอังกฤษ ด้วยการพาทีมผ่านเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายของศึกยูโร 2020 ได้สำเร็จ
3 จาก 4 ประตูอังกฤษในทัวร์นาเมนต์นี้มาจาก สเตอร์ลิ่ง ซึ่งที่ผ่านมาเขาโดนวิจารณ์อย่างหนักเรื่องการจบสกอร์ไม่เฉียบขาด แต่ในจังหวะสำคัญจริงๆ แนวรุกจอมพลิ้วรายนี้แสดงให้เห็นว่าพร้อมทะลวงตาข่ายให้กับทัพสิงโตคำรามได้ในจังหวะเวลาที่ทีมต้องการ
สเตอร์ลิ่ง เร่ิมต้นด้วยการเป็นนักเตะเยาวชน ควีนปาร์ก เรนเจอร์ส เมื่อปี 2003 ก่อนมาฝึกฝีเท้ากับ ลิเวอร์พูล เมื่อปี 2010 และก้าวสู่ทีมชุดใหญ่ในอีก 2 ปีต่อมา พร้อมกับประเดิมสนามด้วยวัยเพียง 17 ปีเท่านั้น แต่ด้วยฝีเท้าอันจัดจ้าน ทำให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทุ่มเงินกว่า 50 ล้านปอนด์คว้าตัวไปร่วมทัพเมื่อปี 2015
ขณะที่เส้นทางการเล่นทีมชาติ สเตอร์ลิ่ง ติดทัพอังกฤษชุดใหญ่ครั้งแรกเมื่อปี 2012 ด้วยวัยยังละอ่อน แต่เขาสามารถสอดแทรกบรรดาแข้งรุ่นใหญ่ และติดทีมลุยศึกทัวร์นาเมนต์ใหญ่ ไล่ตั้งแต่เวิลด์คัพ 2014, ยูโร 2016 และเวิลด์คัพ 2018 ซึ่งอังกฤษไปไกลถึงรอบรองชนะเลิศ
ในศึกยูโร 2020 สเตอร์ลิ่ง ปลดล็อกยิงประตูแรกให้กับทีมชาติอังกฤษในเมเจอร์ทัวร์นาเมนต์ได้สำเร็จตั้งแต่เกมแรกที่เฉือน โครเอเชีย 1-0 ตามด้วยประตูที่ 2 เฉือน เช็ก 1-0 และประตูล่าสุดยิงใส่ เยอรมนี ก่อนคว้าชัย 2-0 ซึ่งทั้งหมด 3 ประตูของสเตอร์ลิ่งเกิดขึ้นที่เวมบลี่ย์ สเตเดียม
จากคำสบประมาทวิพากษ์วิจารณ์กลายเป็นแรงผลักดันให้ ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ปลดล็อกในการยิงประตูได้สำเร็จ และจะกลายเป็นแรงขับเคลื่อนให้เขาช่วยนำทัพสิงโตคำรามผงาดแชมป์ยูโรครั้งแรก
และจะกลายเป็นการปลดล็อกคว้าแชมป์เมเจอร์ในรอบ 55 ปีของอังกฤษนับตั้งแต่แชมป์เวิลด์คัพ 1966