เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล(บช.น.)พล.ต.ต.ปิยะ ต๊ะวิชัย รองผบช.น. ฐานะโฆษกบช.น. เปิดเผยความคืบหน้าการชุมนุมของมวลชน 3 กลุ่มที่นัดหมายชุมนุมเมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมาว่าภาพรวมการชุมนุมของมวลชนทุกกลุ่มอยู่ในเกณฑ์ดี แต่พนักงานสอบสวนยังคงต้องสืบสวนสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐาน ถอดเทปคำปราศรัย และดูพฤติกรรมของมวลชนทั้ง 3 กลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนายนิติธร ล้ำเหลือ หรือทนายนกเขา แกนนำกลุ่มประชาชนคนไทย กลุ่มนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำกลุ่มไทยไม่ทนฯ, และกลุ่มนายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด ที่จัดกิจกรรม ‘แฟลชม็อบ สมบัติทัวร์’ แยกขบวนจากกลุ่ม ‘ไทยไม่ทน’ ไปชุมนุมต่อที่แยกราชประสงค์ เบื้องต้นแกนนำทุกกลุ่มเข้าข่ายความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน, พ.ร.บ.ควบคุมโรค, พ.ร.บ.ความสะอาด, และพ.ร.บ.จราจรทางบก เป็น 4 ข้อหาหลักอยู่แล้ว แต่พนักงานสอบสวนกำลังพิจารณาว่าพฤติกรรมและการปราศรัยของแกนนำจะเข้าข่ายข้อหาอื่นๆ เพิ่มเติมอีกหรือไม่ ใช้ระยะเวลารวบรวมพยานหลักฐานก่อนจะมีการออกหมายเรียก เนื่องจากพนักงานสอบสวนต้องการแจ้งข้อหาทั้งหมดในคราวเดียว เพื่อไม่ต้องการให้เกิดเป็นประเด็นว่าเป็นเกมการเมือง เบื้องต้นพนักงานสอบสวนสน.นางเลิ้ง เตรียมออกหมายเรียกทนายนกเขา กับพวก และนายจตุพร กับพวก เข้ารับทราบข้อกล่าวหาคดีการชุมนุมเมื่อวันที่ 24 และ 26 มิ.ย. ที่ผ่านมาคนละ 2 ข้อหา ภายในสัปดาห์หน้า
“ส่วนกระแสข่าวว่าตำรวจยื่นเพิกถอนการประกันตัวแกนนำกลุ่มราษฎร ที่ได้รับการประกันตัวออกมา โดยติดเงื่อนไขศาลที่ต้องไม่ทำกิจกรรมที่กระทบความเสื่อมเสียต่อสถาบันฯและไม่ร่วมการชุมนุมที่อาจก่อให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง พล.ต.ต.สุคุณ พรหมายน รองผบช.น.พิจารณาพฤติกรรมของแกนนำที่ได้รับการประกันตัวโดยติดเงื่อนไขศาลแล้วพบว่ามีแกนนำที่ฝ่าฝืนเงื่อนไข 5 คน ไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรมการร่วมชุมนุมในลักษณะมั่วสุม หรือแม้แต่การปราศรัยพาดพิงที่เข้าข่ายละเมิดเงื่อนไขศาล ตำรวจเตือนผ่านทุกช่องทางแต่ก็ยังมีการฝ่าฝืน ละเมิดเงื่อนไขที่ศาลตั้งไว้ ดังนั้นพนักงานสอบสวนจึงยื่นคำขอเพิกถอนประกันแกนนำโดยส่งให้พนักงานอัยการเรียบร้อยแล้ว และอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการของพนักงานอัยการ ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดว่ามีใครบ้าง” พล.ต.ต.ปิยะกล่าว
