จากกรณี นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. ระบุถึง “เถียงนาโมเดล” ระหว่างการแถลงสถานการณ์โควิด-19 ประจำวันเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคมที่ผ่านมา พร้อมอธิบายว่า ลักษณะของการติดเชื้อ จากข้อมูลของวันที่ 5 กรกฎาคม หลังแรงงานก่อสร้างกลับจากกรุงเทพฯและปริมณฑลทำให้เกิดคลัสเตอร์ติดเชื้อในครอบครัว แบ่งเป็น ภาคเหนือ 6 คลัสเตอร์ ติดเชื้อ 21 คน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4 คลัสเตอร์ ติดเชื้อ 16 คน ภาพของการนำเชื้อกลับบ้าน และไปติดคนในครอบครัวเกิดขึ้นแล้ว
“ในภาคอีสานและเหนือ ระดับครอบครัวและชุมชน ขอให้พี่น้องอีสานและภาคเหนือได้เข้าใจในประเด็นนี้ หลังจากกลับบ้านมาแล้วขอให้สร้างระยะห่าง ภาคอีสานพื้นที่กว้างขวาง เถียงนาโมเดลเกิดขึ้น กลับมาแล้ว ขอให้ไปนอนในเถียงนา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนหนุ่มสาว ป่วยก็อาการไม่มาก กักตัวเองนอนอยู่ตรงนั้น มีคนส่งข้าว ส่งน้ำ ครอบครัวเดียวกัน ซึ่งน่ารักมากๆ ก็ขอให้ใช้วิธีการจากภูมิปัญญา หรือคิดจากพื้นที่มาช่วยกัน” นพ.ทวีศิลป์กล่าว
เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ พบกับนายหมอง อินสำราญ อายุ 77 ปี อาชีพทำนา กล่าวว่า ถ้าถามว่ากลัวหรือไม่ ยอมรับว่าชาวบ้านต่างหวาดกลัว เพราะเท่ากับนำโรคอันตรายเข้าหมู่บ้าน แต่หากผู้ป่วยหายแล้วกลับไป เจ้าของเถียงนาอาจจะไม่กล้ามาเถียงนาของตนเองอีกเพราะไม่รู้ว่าจะมีเชื้อโรคหลงเหลืออยู่หรือไม่ นอกจากจะมีการฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อโรคให้ชาวบนาสบายใจก่อน แต่ถ้ามีความจำเป็นชาวนาก็พร้อมที่จะช่วยเหลือกัน และยินดีให้ไปพักที่เถียงนา เพราะใช้เวลาไม่นาน
ด้านนายดนัยเทพ สาเหลา อายุ 42 ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 7 ต.วังเหนือ อ.บ้านด่าน กล่าวว่า ชาวบ้านตามต่างจังหวัด เป็นคนมีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน การที่ลูกหลานจะกลับมารักษาตัว ทุกคนยินดี แต่ขอให้ทางรัฐหามาตรการ และแนวทางการกักตัวที่รัดกุมเพื่อให้ชาวบ้านสบายใจ คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหา ชาวบ้านพร้อมช่วยเหลือกันในยามยาก
