นักวิชาการโคราช แนะ “บิ๊กตู่” ฟอร์มทีมจัดตั้งพรรค ลงสู่เส้นทางการเมืองเต็มตัว หลังเกิดรอยร้าวในพรรคพลังประชารัฐ
วันที่ 11 กันยายน 2564 ผศ.ดร.อดิศร เนาว์นนท์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อกรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ตัดสินใจปลด ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ และนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รมช.แรงงาน พ้นจากเก้าอี้ว่า มี 2 เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายหลังจากที่มีการเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และ รมต.อีก 5 คนที่ผ่านมา คือ 1.การสั่งปลด 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงออกจากตำแหน่ง และ 2.การลงมติผ่านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ วาระที่ 3 ซึ่งมีเนื้อหาสำคัญคือจะมีการนำระบบใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบมาใช้อีกครั้ง ทำให้เกิดรอยร้าวภายในพรรคพลังประชารัฐอย่างชัดเจน ดังนั้นจึงเป็นที่น่าจับตาอย่างยิ่งว่าหลังจากนี้ไป พล.อ.ประยุทธ์จะเดินหน้าต่ออย่างไร เพราะอย่าลืมว่า พล.อ.ประยุทธ์ ที่ได้มาเป็นนายกรัฐมนตรีในปัจจุบันนี้ มาจากการทำรัฐประหาร แล้วออกแบบรัฐธรรมนูญให้เอื้อประโยชน์ต่อการสืบทอดอำนาจ เป็นนายกรัฐมนตรีโดยชอบธรรมตามกฎหมาย ซึ่งไม่ได้เป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง จึงทำให้หลายกลุ่มเกิดความไม่พอใจ โดยเฉพาะกลุ่มของพรรคเพื่อไทย ที่มีความศรัทธาต่อนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีจำนวนคนมาเป็นแนวร่วมเพิ่มมากขึ้นต่อเนื่อง
ขณะเดียวกันหลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ฟอกตัวเองจากการเป็นผู้นำรัฐประหาร โดยการใช้กระบวนการเลือกตั้ง และรวบรวมกลุ่มก้อนนักการเมืองมาตั้งเป็นพรรคพลังประชารัฐ อีกทั้งรวบรวมพรรคการเมืองอื่น เช่น พรรคประชาธิปัตย์และพรรคภูมิใจไทย มาจัดตั้งรัฐบาล ประกอบกับมี ส.ว.ที่ตัวเองแต่งตั้งขึ้นมา ช่วยยกมือสนับสนุนให้จนได้เป็นนายกรัฐมนตรีตามที่วางแผนไว้ เมื่อบริหารประเทศมาอย่างยาวนานถึง 7 ปี ถ้ามองในแง่ของผลงาน ก็ทำให้ประชาชนเกิดความไม่พอใจสูงมาก จนทำให้เกิดการชุมนุมประท้วงขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง และถ้ามองกลุ่มการเมืองในพรรคพลังประชารัฐเอง ก็มีบางกลุ่มที่มาจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งมีสายสัมพันธ์เชื่อมโยงกันอยู่ ที่อาจจะเห็นถึงช่องโหว่ที่คนจำนวนมากเริ่มไม่พอใจรัฐบาล อาจจะหันไปซบพรรคเพื่อไทยเพื่อให้ได้ใจกลุ่มคนที่ไม่พอใจ พล.อ.ประยุทธ์ได้ จึงเชื่อว่าเป็นที่มาของการตัดสินใจปลด 2 รัฐมนตรีออกดังกล่าว
ดังนั้นหลังจากนี้ไป พล.อ.ประยุทธ์ต้องเลือกแล้วว่าจะเดินหน้าต่ออย่างไร เพราะเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว จะกล้าตั้งพรรคการเมืองเพื่อลงมาเล่นการเมืองแบบเต็มตัว เหมือนกับที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ทำหรือไม่ หรือจะจัดการจากฐานของพรรคพลังประชารัฐ โดยเขี่ยคนที่มีปัญหาออกให้หมด แต่ขณะนี้ได้เกิดรอยร้าวในพี่น้อง 3 ป.แล้ว คือ ป.ประยุทธ์ (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) ป.ป๊อก (พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย) และ ป.ป้อม (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โดยเฉพาะ พล.อ.ประวิตรที่ถูก พล.อ.ประยุทธ์ปลด 2 รมต.เด็กในสังกัดออกโดยไม่บอกกล่าวล่วงหน้า ถือว่าเป็นการหักเหลี่ยมกันอย่างรุนแรง ดังนั้น สถานการณ์ขณะนี้กลุ่มพรรคเพื่อไทยได้ประโยชน์เต็มๆ แน่นอน ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ปล่อยให้เวลาผ่านเลยจนหมดวาระแล้วเลือกตั้งกันไปอย่างนี้จะเกิดอะไรขึ้น หรือถ้า พล.อ.ประยุทธ์กลัวจะเสียคำพูดที่ว่าจะไม่ลงเล่นการเมือง ก็ควรที่จะมีตัวแทนทางการเมือง ตั้งพรรคขึ้นมา โดยมีตัวเองคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลังก็ได้ แต่ระหว่างนี้ก็ต้องพยายามเอาคนที่มีภาพลักษณ์ไม่ดีออกไปให้หมด หรือให้เหลือน้อยที่สุด แล้วปรับ ครม.ครั้งใหญ่ โดยดึงเอาภาคเอกชนที่มีฝีมือ เป็นที่ยอมรับของคนส่วนใหญ่ของประเทศ มาช่วยทำงานจนกว่าจะหมดวาระ แล้วยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่ ถือว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุด