ผู้เขียน | สุชาติ ศรีสุวรรณ |
---|
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แสดงท่าทีชัดเจนแล้วว่าต้องการที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีบริหารประเทศต่อไปอีกสมัย
โดยในการเลือกตั้งครั้งหน้าจะมีพรรคที่จะระบุชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ไว้ในบัญชีที่จะเสนอให้เป็นนายกรัฐมนตรี อาจจะเป็นพรรคพลังประชารัฐ หากเคลียร์ความขัดแย้งภายในได้ หรือเป็นพรรคอื่นหากพลังประชารัฐถึงเวลาที่จะมีผู้แยกตัวออกไป
นี่เป็นความน่าสนใจยิ่งสำหรับประเทศไทยเรา
น่าสนใจเพราะว่าการบริหารประเทศโดย พล.อ.ประยุทธ์ ที่เข้าสู่ปีที่ 8 ในอีกไม่กี่วันนั้น ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กว้างขวางขึ้นในทางที่เป็นภาพลบต่อการพัฒนาประเทศในภาพรวมเกือบทุกด้าน
การออกมาต่อต้าน หรือตำหนิติติงในทางที่เห็นว่า ด้วยความรู้ความสามารถไม่พอที่จะนำพาประเทศไปสู่การแข่งขันที่เข้มข้นของโลกยุคปัจจุบันได้
พล.อ.ประยุทธ์ เป็นภาพของผู้นำที่ได้รับการยอมรับน้อยลงเรื่อยๆ จากประชาชนแทบทุกวงการ
หลายคนเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์ ควรพอได้แล้ว ควรถอยออกไปเพื่อให้คนที่มีความรู้ความสามารถมากกว่า ในยามที่ประเทศต้องการผู้นำที่นำพาการพัฒนาในระดับที่เคลื่อนไปสู่ความเป็นไปของโลก อย่างที่ทำให้ประชาชนมีความหวังว่าจะไม่จมอยู่กับสังคมที่ล้าหลัง
แต่นั่นเป็นความคิดที่ในวันนี้ถูกปฏิเสธชัดเจน
พล.อ.ประยุทธ์ ยืนกรานจะไปต่อ จะอยู่ต่อในฐานะผู้นำประเทศ ไม่ว่าใครจะต้องการหรือไม่ก็ตาม
และไม่ว่าประชาชนส่วนใหญ่ยังต้องการหรือไม่ก็ตาม อย่านึกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะกลับมาไม่ได้หากถูกประชาชนปฏิเสธ
เนื่องจากต้องอย่าลืมว่า “รัฐธรรมนูญ” ฉบับนี้ถูกออกแบบมาเพื่อเปิดทางให้การสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหารเป็นจริง
โครงสร้างอำนาจที่กำหนดโดยกติกาสูงสุดของประเทศเปิดทางอย่างเต็มที่สำหรับผู้มีอำนาจที่จะรักษาอำนาจไว้ต่อไป
ที่ชัดเจนที่สุดคือ “วุฒิสมาชิก” ที่มาจากการแต่งตั้งของผู้มีอำนาจ มีบทบาทเต็มที่ในการกำหนดว่าใครจะเป็นนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้ง
นั่นยังไม่นับรวมกลไกราชการ และองค์กรอิสระต่างๆ ที่เคยแสดงให้เห็นมาแล้วว่า สามารถใช้บทบาทกำหนดผลทางการเมืองได้ในทุกขั้นตอน
ไม่ว่าจะช่วยเหลือผู้ที่ตัวเองสนับสนุน หรือจัดการขัดขวางฝ่ายที่ตัวเองต่อต้าน
ไม่ใช่เรื่องยากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อไป ในเมื่อกติกาและโครงสร้างอำนาจยังเป็นแบบเดิม
คำถามที่เกิดขึ้นคือ ประเทศไทยในอนาคตจะเป็นอย่างไร หากไม่มีความเปลี่ยนแปลงในการบริหารจัดการประเทศ
หากการเลือกตั้งครั้งหน้า ผลที่ออกไม่มีอะไรที่เปลี่ยนไปจากที่เป็นอยู่นี้ ประชาชนไทยจะอยู่กันอย่างไร
และนี่แหละ เป็นคำถามที่แหลมคมอย่างยิ่ง
ของทุกคน ทุกฝ่าย
แน่นอน มีบางคน บางกลุ่มที่จะสร้างผลประโยชน์ได้มหาศาลจากรัฐบาลแบบนี้
แต่ย่อมมีคนที่ต้องเผชิญกับความเหลื่อมล้ำที่จะถ่างกว้างออกไปยิ่งขึ้น
และคงมีคนไม่น้อยที่นึกไม่ออกว่าจะอดทนต่อสภาพที่ไร้ความหวังในอนาคตต่อไปได้อย่างไร
อย่างไรก็ตาม การเลือกตั้งคือโอกาสเดียวที่จะทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นได้
จะเลือกกันอย่างไร
จะเห็นแก่ประโยชน์เฉพาะหน้า จะหลับหูหลับตาปล่อยให้ผลการเลือกตั้งเป็นไปเหมือนอย่างที่เคยเป็นมา โดยไม่เข้าไปมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ
จะทำเช่นนั้นกันต่อไปหรือไม่ หรือลงแรงเพื่อความเปลี่ยนแปลง
ประชาชนทุกคนจะต้องตอบตัวเอง