ตร.ไซเบอร์จับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 4 คดี สูญหลายล้าน เตือนลงทุนเร็วผลตอบแทนสูงไม่มีอยู่จริง

ตร.ไซเบอร์แถลงผลงานจับกุมอาชญากรรมทางเทคโนโลยี 4 คดี เสียหายหลายล้าน เตือนลงทุนเร็วได้ผลตอบแทนสูงไม่มีอยู่จริง

เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 27 ตุลาคม ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(ตร.) พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ รองผบ.ตร. ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) หรือ PCT พร้อมด้วย พล.ต.ท.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร ผู้ช่วย ผบ.ตร. แถลงผลงานศูนย์ PCT กวาดล้างอาชญากรรมทางเทคโนโลยี จับผู้ต้องหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ โรแมนซ์สแกม หลอกลงทุนผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล มูลค่าความเสียหายหลายล้านบาท มีรายละเอียด ดังนี้

คดีแรกจับกุมเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มูลค่าความเสียหาย 13.84 ล้านบาท โดยพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมากถูกคนร้ายติดต่อผู้เสียหายผ่านโทรศัพท์และไลน์อ้างว่าเป็นข้าราชการระดับสูง หรือ นายตำรวจระดับสูง มีการแจ้งผู้เสียหายมีส่วนร่วมกับคดีค้ายาเสพติดและฟอกเงิน ถ้าไม่อยากถูกดำเนินคดีให้โอนเงินให้ ตำรวจ PCT จึงสืบสวนสอบสวนจนพบว่าเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์ แบ่งหน้าที่กันเป็น 5 กลุ่ม คือ ระดับสั่งการ ม้าถอนเงิน จัดการทางการเงินหรือ โพยก๊วน จัดหาบัญชีและเปิดบัญชีธนาคาร และติดต่อหลอกลวงผู้เสียหาย จึงขอศาลอาญาออกหมายจับคนร้าย 8 ราย จับกุมได้ 5 ราย พร้อมของกลางบัตรอิเลกทรอนิกส์ จำนวน 32 ใบ , เครื่องบันทึกข้อมูล Chip Card จำนวน 1 เครื่อง , คอมพิวเตอร์จำนวน 1 เครื่อง โดยผู้ต้องหาแต่ละคนรับว่าตนเองมีหน้าที่ตามคำสั่งของหัวหน้า เช่น ให้ไปถอนเงินจากบัญชี , ให้จัดหาบัญชี , ให้ฝากเงินไปยังบัญชีอื่นๆต่อ โดยผู้ต้องหาจะได้รับส่วนแบ่งจากเงินที่ถอนออกมา 2 – 3 % แล้วแต่หน้าที่ เจ้าหน้าที่ชุดเทคนิคและสืบสวนที่ 1 จึงได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 5 ราย พร้อมของกลาง ส่งพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

คดีที่ 2 จับกุมน.ส.กมลทิพย์ (สงวนนามสกุล) กับพวกรวม 12 ราย แก๊ง Hybrid scam หลอกซื้อขายทองคำผ่านแอปพลิเคชั่น MetaTrader5 และแพลทฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ความเสียหาย 25 ล้านบาทในข้อหา ร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยแสดงตนเป็นบุคคลอื่น ร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน ซึ่งพฤติการณ์กลุ่มผู้ต้องหาจะใช้โปรไฟล์เป็นชาวต่างชาติหน้าตาดีมาพูดจาจนผู้เสียหายหลงเชื่อร่วมลงทุนผ่านโบรกเกอร์ปลอม โดยใช้เงินลงทุนต่ำและได้รับผลกำไรสูงในระยะเวลาอันสั้น ล่าสุดตำรวจได้ขยายผลจนสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มอีก 11 ราย

Advertisement

คดีที่ 3 จับกุมจับกุม น.ส.กรนัท (สงวนนามสกุล) กับพวกรวม 2 ราย เครือข่าย Crowd1 ในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ซึ่งผู้ต้องหาได้หลบหนีไปซ่อนตัวอยู่ในอพาร์ทเม้นแห่งหนึ่งย่านสาทร กทม. และในพื้นที่ จ.มหาสารคาม นอกจากนั้นยังได้ตรวจค้นจุดทำการตลาดที่ สำนักงาน Crowd1 เลขที่ 289/17-18 หมู่ 1 ต.ลำผักกูด อ.ธัญญบุรี จ.ปทุมธานี และที่ซุกซ่อนทรัพย์สินต่างๆ ยึดของกลางได้จำนวนมาก โดยพฤติการณ์คนร้ายกลุ่มนี้ จะชักชวนให้ประชาชนทั่วไปลงทุนในแพลตฟอร์มชื่อ crowd1.com และอ้างว่าเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่จดทะเบียนในต่างประเทศและมีการนำเงินจากผู้สนใจไปลงทุนในธุรกิจและแพลตฟอร์มต่างๆ มีลักษณะเป็นเครือข่ายขนาดใหญ่ จะสามารถให้ผลตอบแทนสูงกว่าการลงทุนในสถาบันการเงินปกติ มีการแบ่งหน้าที่กันทำ มีวิทยากรสอนการลงทุนผ่านแพลตฟอร์ม และขายเป็นแพ็คเกจความรู้ในการลงทุนตั้งแต่ 99 ยูโร หรือ 4,000 บาท ไปจนถึง 2,999 ยูโร หรือ 100,000 บาท และหากหาสมาชิกมาลงทุนได้ภายใน 14 วัน จะได้ผลตอบแทนมากขึ้น และยังโฆษณาชวนเชื่ออีกว่า สมาชิกระดับต้นๆ จะสามารถได้รับผลตอบแทนสูงสุดถึงร้อยละ 3,258 ต่อปี ซึ่งมีผู้หลงเชื่อรายหลายและสูญเงินจำนวนหลายล้านบาท

และคดีสุดท้าย จับกุมแก็งค์โรแมนซ์สแกม หลอกลงทุนผ่านแอพ Thai dairy เสียหายกว่า 30 ล้านบาท โดยพฤติการณ์มีผู้เสียหายประมาณ 100 ราย ได้รับข้อความชักชวนร่วมลงทุนทำธุรกิจหารายได้เสริมที่บ้าน โดยเป็นลิงค์เข้าแอพพลิเคชั่นไลน์ Open chat ซึ่งในนั้นจะมีคนร้ายซึ่งเป็นแอดมินชวนให้ร่วมลงทุนต่างๆ เช่น การอ่านโฆษณาของแบรนด์สินค้า เช่น Lazada , Alibaba ฯลฯ ผ่านแอพพลิเคชั่น Thai dairy และต้องโอนเงินตามแพ็คเกจที่คนร้ายให้มา จากนั้นภายใน 10 นาที จะให้ผลตอบแทนกลับไป 10-20% แล้วแต่แพ็คเกจ โดยในช่วงแรกๆ ที่ลงทุนน้อยๆ จะได้กำไรจริง แต่เมื่อลงเป็นจำนวนมากแล้ว ไม่สามารถถอนเงินออกมาได้ ซึ่งคนร้ายจะให้ผู้เสียหายโอนเงินเข้าบัญชีธนาคารต่างๆ ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ PCT สืบสวนจนทราบว่าคนร้ายรับซื้อบัญชีมาจากที่ต่างๆ กว่า 127 บัญชี หลายธนาคาร และรวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถออกหมายจับคนร้ายที่เป็นคนกดเงินจากบัญชีต่างๆ ได้จำนวน 2 ราย และยังขยายผลจนสามารถออกหมายจับผู้ต้องหาเพิ่มได้อีก 1 ราย ซึ่งพบว่ามีการกระทำในลักษณะนี้ในแอพพลิเคชั่นอื่นด้วย

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวว่า จะเห็นได้ว่าลักษณะของการหลอกลวงจะมีคีย์เวิร์ด ไม่กี่เรื่อง แต่จะอ้างว่าให้ผลตอบแทนสูง ส่วนเจ้าของแพลตฟอร์ม เหล่านั้นเราไม่เคยรู้จักมาก่อน ดังนั้นเราต้องไตร่ตรองให้ดี อย่าหลงเชื่อการหลอกลวง อะไรที่ลงทุนแล้วได้รับผลตอบแทนเร็ว ซึ่งไม่มีอยู่จริง ปัจจุบันการหลอกโลงในโลกโซเซียลมีมากขึ้น ดังนั้นต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ ก่อนจะทำอะไรลงไปอย่าหลงเชื่อง่ายๆ ส่วนการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เมื่อมีใครมาแอบอ้างอย่างนี้ อย่าเพิ่งตกใจตั้งสติให้ดี ให้ปรึกษาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ผ่านมาทางเจ้าหน้าที่พยายามนำเสนอคำแนะนำต่างๆ ผ่านทางคลิปวีดีโอ และสื่อต่างๆ จากนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นสมาคมธนาคาร ปปง.กสทช.กระทรงการคลัง เพื่อเฝ้าระวังกลุ่มที่เข้าข่ายกระทำความผิด ส่วนคนที่ยอมให้ให้บัตรประชาชนกับบุคคลอื่นไปเปิดบัญชี ท่านเข้าข่ายความผิดร่วมกันฉ้อโกง และฟอกเงิน ต่อไปทางเจ้าหน้าที่จะดำเนินการดำเนินคดีอย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่าง

Advertisement

พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กล่าวอีกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ได้กำชับให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เร่งปราบปรามอาชญากรรมที่สร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชน โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ซึ่งมีการหลอกลวงประชาชนโดยใช้ Social Media เป็นจำนวนมาก ซึ่ง พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ได้กำชับให้ทุกหน่วยเร่งระดมปราบปรามอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ทั้งนี้ ความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน ถือเป็นความผิดมูลฐานตามกฎหมายฟอกเงิน หลังจากนี้จะได้แจ้ง ปปง. ให้ตรวจสอบเพื่อยึดทรัพย์สินของผู้ต้องหาและผู้ที่เกี่ยวข้องและดำเนินคดีฐานฟอกเงินต่อไป หากพบเบาะแส หรือเกรงจะตกเป็นเหยื่อ สามารถแจ้งเข้ามาได้ที่ สายด่วน PCT 1599 ตลอด 24 ชม. หรือสายตรง 081-8663000 หรือ www.pct.police.go.th


QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image